กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
***ความเข้าใจเรื่องเงินหยวนที่ต่างกันส่งผลต่อธุรกิจ สะท้อนภาพผู้นำตลาดและล้าหลัง
ขณะที่ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มุ่งกระตุ้นการส่งออกของจีน***
ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลสำรวจธุรกิจการค้าระหว่างประเทศล่าสุด พบว่า ความพร้อมในการทำธุรกิจด้วยสกุลเงินหยวนจะช่วยให้ผู้ส่งออกในตลาดบางแห่งได้เปรียบกว่าคู่แข่งท่ามกลางการแข่งขันในตลาดโลกที่จะขยายการค้ากับจีน
ผลสำรวจบริษัทที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศในตลาดรวมทั้งสิ้น 11 แห่งของเอชเอสบีซี ระบุว่า ขณะที่บริษัทในจีนและฮ่องกง 2 ใน 3 แห่งเห็นว่า บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจกับจีนจะได้เปรียบทางการเงินและความสัมพันธ์ทางธุรกิจเมื่อใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรม แต่ความเข้าใจถึงประโยชน์ของการทำธุรกิจด้วยเงินหยวนยังแตกต่างกันมากในตลาดต่างประเทศ
ครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจในสิงคโปร์ ร้อยละ 44 ในสหรัฐ และร้อยละ 42 ในอังกฤษ เชื่อว่าการใช้เงินหยวนชำระธุรกรรมการค้านั้นได้ประโยชน์ทางการเงิน แต่กลับมีผู้ตอบแบบสำรวจจากเยอรมันและแคนาดาไม่ถึง 1 ใน 3 ที่เห็นด้วย นอกจากนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บอกว่า การใช้เงินหยวนมีประโยชน์ด้านความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เทียบกับร้อยละ 46 ของผู้ตอบแบบสำรวจในฝรั่งเศส และร้อยละ 40 ในออสเตรเลีย
ในภาพรวม ร้อยละ 59 ของผู้บริหารระดับสูงที่ร่วมในการสำรวจ บอกว่ามีแผนที่จะเพิ่มธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศกับจีนใน 12 เดือนข้างหน้า และมีสัดส่วนสูงขึ้นเมื่อจำแนกรายประเทศ คือ ร้อยละ 86 ในอังกฤษ ร้อยละ 74 ในแคนาดา ร้อยละ 73 ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และร้อยละ 63 ในฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน มีเพียงร้อยละ 22 เท่านั้นที่บอกว่าบริษัทของเขาขณะนี้ใช้เงินหยวนชำระเงินทางการค้า
“ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนว่า บริษัทหลายแห่งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เรื่องเงินหยวนมากขึ้น ว่าจะช่วยสร้างโอกาสธุรกิจในตลาดจีน และมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่างไรในตลาดที่มีการแข่งขันสูง” มร.ไซมอน คูเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ระบุ และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจจีนส่วนใหญ่มองหาคู่ค้าต่างชาติที่ใช้เงินหยวนเพื่อชำระเงิน เนื่องจากการใช้เงินหยวนแสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ และยังช่วยลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับต้นทุนดำเนินงาน ถึงแม้ว่าการค้าขายด้วยเงินหยวนไม่ได้รับประกันความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดจีน แต่เงินหยวนควรจะเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนธุรกิจของบริษัททุกแห่ง”
จีนแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2556 ด้วยมูลค่าการค้าเกินกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การคาดการณ์มูลค่าจีดีพีของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ในปีนี้การบริโภคของจีนจะเพิ่มความต้องการบริโภคในตลาดโลกราว 850 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเทียบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของอินโดนีเซียที่เพิ่มเข้าไปในตลาดการค้าโลก
เนื่องจากตลาดจีนทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นต่อธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ การที่เงินหยวนยกระดับเป็นสกุลเงินสากลจึงกำลังเพิ่มโอกาสใหม่ให้แก่การค้า การลงทุน การบริหารเงินสด และการระดมทุน ธนาคารเอชเอสบีซี คาดว่า 1 ใน 3 ของปริมาณการค้าของจีนจะชำระกันด้วยเงินหยวนภายในปี 2558 และเงินหยวนจะกลายเป็นสกุลเงินที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้อย่างเสรีภายในปี 2560
ในการสำรวจครั้งนี้ ธนาคารเอชเอสบีซีได้สุ่มตัวอย่างสำรวจผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศกับจีนหรือจากจีน กว่า 1,300 ราย ในตลาดจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ออสเตรเลีย เยอรมัน ฝรั่งเศส แคนาดา อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ประเด็นที่สำคัญเพิ่มเติมจากผลการสำรวจ
- ธุรกรรมการค้าด้วยเงินหยวนนอกภูมิภาคจีน (Greater China region) (ซึ่งประกอบด้วย จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน) พบว่า บริษัทในฝรั่งเศส (ร้อยละ 26) และบริษัทในเยอรมัน (ร้อยละ 23) ใช้เงินหยวนทำธุรกรรมมากที่สุด
- ร้อยละ 59 ของบริษัทที่ใช้เงินหยวนทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน คาดว่าจะใช้เงินหยวนเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า
- ร้อยละ 32 ของบริษัทที่ไม่เคยใช้เงินหยวนทำธุรกรรมเลย คาดว่าจะใช้ในอนาคต
- สาเหตุที่ผู้ประกอบการเลือกใช้เงินหยวน เพื่อต้องการตอบสนองความต้องการของคู่ค้า ลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อความสะดวก ได้ธุรกิจใหม่ และได้ราคาสินค้าที่ถูกกว่า
- ผู้บริหารที่ร่วมในการสำรวจ เชื่อว่า การที่เงินหยวนใช้ง่ายไม่ยุ่งยาก (ร้อยละ 68) การเปิดเสรีด้านอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น (ร้อยละ 61) และการที่เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ใช้ชำระสินค้าได้มากขึ้น (ร้อยละ 57) จะช่วยส่งเสริมให้ใช้เงินหยวนต่อไป