กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกายและสินค้าไลฟ์สไตล์ แถลงว่า นายพิชัย กัญจนาภรณ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งประธานกรรมการ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้แต่งตั้ง นางสาวสุณี เสรีภาณุ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท พร้อมกับคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
พร้อมกันนี้ นายพิชัย กัญจนาภรณ์ ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ให้แก่ นางสาวสุณี ซึ่งเข้าลงทุนเพิ่มเติม ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของนางสาวสุณีเพิ่มขึ้น 6.25% เป็น 44.08% และนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ที่ให้ความสนใจและเชื่อมั่นในบริษัท จากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตที่ดี ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น 5.68% ซึ่งการซื้อขายหลักทรัพย์ของ MC และ การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด
นางสาวสุณี เสรีภาณุ กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนของบริษัท ขอแสดงความขอบคุณต่อคุณพิชัยที่เป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการทำงานสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยคณะกรรมการ ผู้บริหาร และทีมงานทุกคนของบริษัท มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะสานต่อความมุ่งมั่นนี้ เพื่อให้แบรนด์ Mc ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้บริษัท แม็คกรุ๊ป เติบโตเป็นผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์ต่อไป”
นับตั้งแต่ร่วมงานกับบริษัท แม็คกรุ๊ป ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทในปี 2539 นางสาวสุณี เสรีภาณุ ได้ร่วมวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่บริษัท จากการควบคุมทิศทางการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจออกสู่ตลาดต่างจังหวัด ในช่วงปี 2540 ที่ส่งผลให้แม็คกรุ๊ปสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง หรือ การนำเสนอจุดจำหน่ายในรูปแบบร้านค้าปลีกของตนเอง สองปัจจัยสำคัญที่ส่งให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และให้แบรนด์ Mc ถือครองตำแหน่งผู้นำตลาดยีนส์ในประเทศไทย
สำหรับปี 2557 บริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายจุดจำหน่ายของกลุ่มธุรกิจตามแผนที่ตั้งเป้าไว้ 110 แห่ง โดยในไตรมาสแรก ผลประกอบการของบริษัทยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27% กำไรสุทธิเติบโต 14% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แต่นับว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง รวมกับการชะลอตัวของการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด ซึ่งทั้งสองปัจจัยยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดีจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความแน่นอนขึ้น บริษัทคาดว่าจะส่งผลให้การบริโภคของผู้บริโภคฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทมีเป้าในการเติบโตอยู่ที่ 20-25%