บลจ.กสิกรไทย ดัน K-JAPAN สำเร็จ ขึ้นแท่นกองทุนแดนปลาดิบอันดับ 1 ของประเทศที่ทำยอด IPO สูงสุดทะยานกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมเสนอขายครั้งใหม่ 14 กรกฎาคม นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 9, 2014 14:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--บลจ.กสิกรไทย บลจ.กสิกรไทย เป็นปลื้มหลังส่ง กองทุนเปิดเค เจแปน หุ้นทุน (K-JAPAN) ขึ้นแท่นทำลายสถิติเป็นกองทุนหุ้นประเทศญี่ปุ่นอันดับ 1 ที่มียอดการเสนอขายครั้งแรกสูงสุด ด้วยมูลค่าขายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และยังเป็นกองทุนหุ้นประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เผยเชื่อมั่นเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเอาใจนักลงทุน โดยจะคงค่าธรรมเนียมการขายไว้ที่ 1 % สำหรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนในระหว่างวันที่ 14-15 กรกฎาคม 2557 นี้ นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนให้ความสนใจอย่างล้นหลามเพราะเชื่อมั่นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน น่าจะเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายธนู 3 ดอกของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ได้ประกาศออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ญี่ปุ่นหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด และกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการทยอยประกาศมาตรการต่างๆ ออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มาตรการด้านการเงิน และการคลัง จนล่าสุด สภาพัฒนาการแข่งขันด้านอุตสาหกรรม และสภาด้านนโยบายเศรษฐกิจและการคลังของญี่ปุ่น ได้มีการเปิดเผยมาตรการธนูดอกที่ 3 ออกมาอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งประกอบด้วย การสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่น มีบรรษัทภิบาลเพิ่มขึ้น การปฏิรูปสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้ของกองทุนบำนาญญี่ปุ่น (GPIF) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยขนาดมากกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ผ่านมาเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นหลัก และมีสัดส่วนในหุ้นไม่เกิน 12% แต่สำหรับแผนการปฏิรูปนี้จะมีการอนุญาตให้ GPIF สามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้มากขึ้น แม้จะยังไม่มีการกำหนดเพดานสูงสุดที่สามารถลงทุนในหุ้นได้ออกมาชัดเจน แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณว่า GPIF จะมีการเริ่มซื้อหุ้นมากขึ้น เพราะในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ GPIF ได้มีการขายพันธบัตรญี่ปุ่นออกมาแล้วถึงกว่า 1.85 ล้านล้านเยน (1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1% ของขนาดกองทุน GPIF) ซึ่งการเข้าถือหุ้นเพิ่มขึ้นของ GPIF ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะยาว นอกจากนั้น ยังได้ประกาศการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนิติบุคคล โดยมีการระบุชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาให้อยู่ต่ำกว่า 30% โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งในระยะยาวผลของการปรับลดภาษีนิติบุคคล จะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช่นกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองในเชิงบวกกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นและเชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการเสนอขายกองทุน K-JAPAN ขึ้น โดยได้เสนอขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 2-8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน จนทำให้ยอดการสั่งซื้อเกินกว่ามูลค่าโครงการ ที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนหุ้นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอันดับ 1 ที่ทำลายสถิติทั้งการเสนอขายครั้งแรกมีมูลค่าการลงทุนรวมสูงที่สุด และยังเป็นกองทุนหุ้นประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด ณ ขณะนี้ และเพื่อเป็นการตอบรับความต้องการของนักลงทุน บลจ.กสิกรไทย จึงมีกำหนดที่จะเสนอขายกองทุนเปิด เจแปน หุ้นทุน อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป พร้อมเอาใจนักลงทุนมอบข้อเสนอพิเศษส่วนลดค่าธรรมเนียมการขายจาก 1.5% เหลือเพียง 1 % สำหรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนในวันที่ 14-15 กรกฎาคม 2557 นี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ