กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้ เวลธ์ ชี้ “หุ้นเยอรมัน” แข็งแกร่ง ไม่หวั่นปัญหาภาคการเงินในโปรตุเกส แนะใช้จังหวะตลาดหุ้นปรับฐานเข้าลงทุนเพิ่ม ระบุครึ่งปีหลังสัญญาณบวกเพียบ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวโดดเด่น ภาคการส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และราคาหุ้นยังถูก หนุนตลาดหุ้นเยอรมันน่าลงทุน
นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ (Mr.Komsorn Prakobphol, Senior Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) มีมุมมองว่าจากการที่ตลาดหุ้นยุโรปปรับฐานลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสที่ดีในการ “ซื้อสะสม” หุ้นเยอรมัน โดยตลาดหุ้นยุโรปปรับฐานลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องมาจากความกังวลต่อฐานะการเงินของธนาคาร Banco Espirito Santo SA (BES) ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับสองของโปรตุเกส เนื่องจากบริษัทแม่ของธนาคารดังกล่าวได้มีการผิดนัดชำระหนี้ไปก่อนหน้านี้ และทำให้ธนาคาร BES อาจต้องขอรับความช่วยเหลือจากทางการ
ทั้งนี้ความกังวลดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นในยุโรปปรับฐานลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศกลุ่ม Peripheral Europe ซึ่งดัชนี PSI20 ของโปรตุเกสปรับตัวลดลงราว 10% และดัชนี STOXX50 ของยุโรปปรับตัวลดลง 3.5% ความล้มเหลวของธนาคารในโปรตุเกส แสดงให้เห็นถึงปัญหาในภาคการเงินในกลุ่มประเทศ Peripheral Europe ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข และดัชนีตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ปรับตัวขึ้นมามากเกินไป และมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานตามที่ได้เตือนไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี การปรับฐานของตลาดหุ้นยุโรปในรอบนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อสะสมหุ้นเยอรมัน ซึ่งไม่มีปัญหาหนี้ทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน และมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราการว่างงานเพียง 5% ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับกลุ่มเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้ว
“เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเยอรมันในช่วงครึ่งหลังของปี และมองผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในเยอรมันจะขยายตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจาก 1) แนวโน้มค่าเงินยูโรที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลัง ECB ออกมาผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรจากการส่งออกสินค้า 2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน Emerging Markets และการขยายตัวของการลงทุนในสหรัฐฯ จะเพิ่มความต้องการสินค้าทุนจากเยอรมันนี และ 3) Valuation ของดัชนี DAX ที่เทรดที่ P/E เพียง 13.5 เท่า ซึ่งต่ำสุดในกลุ่มประเทศยุโรป (เทียบกับ P/E ของดัชนี STOXX50 ที่ 14.5 เท่า)” นายคมศร กล่าว