กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--แบรนด์ เวลท์
บริษัท พรอดดิจิ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจผลิต และจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวด PET ลงนามในสัญญาเพื่อแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) รวมกับ 5 โบรกเกอร์ชั้นนำ เคาะราคา IPO ที่หุ้นละ 2.80 บาท จำนวน 70 ล้านหุ้น เปิดจอง 21-23 ก.ค. และพร้อมเข้าเทรด 29 ก.ค.นี้ มั่นใจได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังเดินสายโรดโชว์
นาย ธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอดดิจิ จำกัด (มหาชน) หรือ PDG ผู้นำในธุรกิจผลิต และจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวด Polyethylene Terephthalate (PET) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตขวด PET รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) หุ้นละ 2.80 บาท จำนวน 70 ล้านหุ้น บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 135 ล้านบาท ออกและชำระแล้ว 100 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวนทั้งสิ้น 270 ล้านหุ้น ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า PDG โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย ร่วมกับโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 4 แห่ง
การนำหุ้นสามัญของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัทฯ และช่วยยกระดับการดำเนินงานสู่การเป็นบริษัทมหาชน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินที่ระดมทุนได้ไป (1) ขยายกำลังการผลิตขวด PET โดยการสั่งซื้อเครื่องจักรในการผลิตใหม่จากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 2 สายการผลิต ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตขวดพลาสติกของบริษัทฯ จาก 50 ล้านขวดพลาสติกต่อเดือน เป็น 60 ล้านขวดพลาสติกต่อเดือน (2) เพิ่มเครื่องปิดฉลากขวดอัตโนมัติ (3) เพิ่มเครื่องบรรจุขวด PET ใส่หีบห่ออัตโนมัติ (4) ซื้อแม่พิมพ์สำหรับการผลิตหลอดพรีฟอร์ม เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ผลิตขวด PET และผู้ผลิตขวดน้ำดื่มที่มีเครื่องเป่าขวดเป็นของตนเอง และ (5) เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อตอบรับกับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า จากการเตรียมขยายฐานธุรกิจสู่ตลาดทั้งใน และต่างประเทศ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายจากความต้องการในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นอีกทางด้วย ซึ่งการเข้าจดทะเบียนนั้นจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว ด้วยบริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจที่มีความชัดเจน ทั้งในด้านการเพิ่มฐานลูกค้ารายใหม่ เพิ่มยอดขายจากลูกค้ารายเดิม รวมทั้งในปลายปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิเช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้น
นายวัชร วิทยฐานกรณ์ กรรมการและผู้บริหาร บริษัท พรอดดิจิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการบริหารงานผ่านมา ด้วยการพัฒนาทั้งในส่วนการผลิต ด้านต้นทุน การควบคุมคุณภาพสินค้า การบริการ และการส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงเวลา ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติมโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 694 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณร้อยละ 18 และมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 50 ล้านขวดพลาสติกต่อเดือน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 71 โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือน้ำผลไม้ น้ำมันพืช น้ำดื่ม และน้ำปลา-เครื่องปรุงรส สำหรับผลประกอบการในปี 2557 โดย PDG มั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับผลประกอบการในปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 10-15 ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลังกำลังการบริโภคจะฟื้นตัว อำนาจการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะสูงขึ้น และจากที่บริษัทมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า หุ้น PDG จะเป็นหุ้นจดทะเบียนใหม่ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในตลาดอย่างแน่นอน การกำหนดราคาขายหุ้น PDG ที่ระดับ 2.80 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีส่วนลดประมาณร้อยละ 15 -20 จากราคา Fair value หลังจากที่มีการนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ให้กับนักลงทุนใน 4 จังหวัดที่ผ่านมา ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ขอนแก่น เชียงใหม่ และอ.หาดใหญ่ นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จากการเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของ PDG ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่มีความต้องการของบรรจุภัณฑ์พลาสติก PET ที่เพิ่มมากขึ้น ผมมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นของ PDG จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่ของมูลค่า และเงินปันผลให้กับนักลงทุน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำการจัดจำหน่าย ร่วมกับผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน), และ บริษัท หลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) เปิดจองซื้อวันที่ 21–23 กรกฎาคม 2557 และกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557