ประกาศผล 15 บริษัทผู้ส่งออกสินค้าไทย คว้ารางวัลเกียรติยศ Prime Minister's Export Award ปี 41

ข่าวทั่วไป Thursday September 17, 1998 14:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--17 ก.ย.--กรมส่งเสริมการส่งออก
กรมส่งเสริมการส่งออก ประกาศผล 15 บริษัทผู้ส่งออกสินค้าไทยยอดเยี่ยมที่คว้ารางวัลเกียรติยศผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น Prime Minister's Export Award ประจำปี 2541 เผยรางวัลนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยในระดับนานาชาติและเป็นแรงผลักดันที่จะช่วยเปิดและรักษาตลาดการค้าต่างประเทศได้อย่างถาวร รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นการส่งออกเพื่อดึงเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ไทยมากขึ้น
นายสนิท วรปัญญา อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออกได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้ส่งออกสินค้าไทยที่เสนอชื่อเข้ารับรางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น หรือ Prime Minister's Export Award ประจำปี 2541 แล้ว ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกจะจัดให้มีพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลอย่างเป็นทางการจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ในวันที่ 28 กันยายนนี้ โดยผู้ส่งออกไทยที่ได้รับรางวัลในปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 15 บริษัท แบ่งเป็น 3 ประเภทรางวัล ดังนี้
ประเภทผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่นที่ใช้ชื่อทางการค้าเป็นของตนเอง (Brand Name) มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน 7 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อทางการค้าว่า "SSF" 2. บริษัท นิธิเวนเจอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อทางการค้าว่า "RIVER KWAI" 3. บริษัท อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมือง จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "PANTAINORASINGN" 4. บริษัท มโนห์ราอุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "MANORA" 5. บริษัท ยูนิโก้ คอนซูมเมอร์โปรดักส์ จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "AMENA" 6. บริษัท เอเพ็ค พลาสติกส์ จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "APEX" 7. บริษัท ไร้ซ์ เอ็นจิเนียริ่ง ซัพพลาย จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "RISE"
ประเภทผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่นที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเอง (Design) มีผู้ได้รับรางวัล 5 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท อินเตอร์ไกร จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "INTER KRAI" 2 บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อทางการค้าว่า "ROYAL THAI" 3. บริษัท แหลมฉบังอินดัสทรี จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "I FRAME" 4. บริษัท สยามชานิทารีแวร์ อินดัสทรี จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "COTTO" 5. บริษัท บางกอกอินเตอร์เฟิร์น จำกัด ใช้ชื่อทางการค้าว่า "INDEX"
สำหรับประเภทผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น (Best Exporter) มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท มหากิจรับเบอร์ จำกัด 2. บริษัท วีรับเบอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 3. บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด
นายสนิท กล่าวว่า การประกาศผลรางวัลผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น หรือ Prime Minister's Export Award นี้ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของสินค้าไทย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ส่งออกไทยได้พัฒนาคุณภาพและรูปแบบของสินค้าให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของประเทศสูงขึ้น เงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำเช่นในปัจจุบัน
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวเพิ่มเติมอีกว่ารางวัล Prime Minister's Export Award นี้ นอกจากจะเป็นการเชิดชูเกียรติ เป็นกำลังใจให้แก่ผู้ส่งออก และเป็นประตูสู่การสร้างตลาดการค้าโลกแล้ว ผู้ส่งออกไทยที่ได้รับรางวัลยังสามารถใช้สัญลักษณ์ของรางวัลพิมพ์ลงในเอกสารหรือสินค้าเพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ได้ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ผู้ส่งออกยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีก อาทิ สิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาและส่งเสริมการส่งออกของกรมส่งเสริมการส่งออกเป็นอันดับแรก สิทธิในการแสดงสินค้าในห้องแสดงสินค้าถาวรของกรมส่งเสริมการส่งออก สิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าประเทศไทย การเสนอชื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้ได้รับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยเร็วเป็นกรณีพิเศษ และการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์อื่น ๆ
"กรมส่งเสริมการส่งออกได้พยายามผลักดันให้ไทยมีการส่งออกมากขึ้น โดยมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าสำคัญภายใต้ระบบการค้าเสรี มีนโยบายในการขจัดปัญหาการส่งออกและเสริมสภาพคล่องแก่ภาคธุรกิจส่งออก ให้ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการวางแผนและกำหนดเป้าหมายเพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างการผลิตและการส่งออก ที่สำคัญเรามีนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยให้สามารถรักษาและขยายส่วนแบ่งในตลาดโลกได้ ดังนั้นการจัดให้มีรางวัล Prime Minister's Export Award ขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายนี้ ซึ่งผู้ส่งออกที่ได้รับรางวัลนี้ต่างก็ยอมรับว่ารางวัล Prime Minister's Export Award มีส่วนสำคัญที่ช่วยรักษาและขยายส่วนแบ่งในตลาดการค้าโลกได้เป็นอย่างดี"
"การที่เรามุ่งเจาะกลุ่มตลาดในต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน และรูปแบบสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศมากขึ้น นับเป็นอีกมาตรการที่สามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้ามากระตุ้นให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศฟื้นตัวได้ในเร็ววัน" นายสนิท กล่าวในตอนท้าย--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ