ครั้งแรกและครั้งเดียวของการรวมตัวนักแสดงหญิงชื่อดังของวงการบันเทิง ในภาพยนตร์ เรื่อง "ไฉไล"

ข่าวทั่วไป Thursday December 15, 2005 09:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ครั้งแรกและครั้งเดียวของการรวมตัวนักแสดงหญิงชื่อดังของวงการ
จินตหรา พูนลาภ / ตั๊ก บงกช / กระแต ศุภักษร / นุ้ย เกศริน / ส้มเช้ง สามช่า
กับภารกิจลับสุดยอด ฮาสุดขั้ว ยั่วยวนสุดเดช แอ็คชั่นสุดเผ็ดร้อน
“ชบา” ..........เปิ่น กล้า บ้าบิ่น ตะหลิวสารพัดพิษ
กุหลาบ” ..........เสน่หา เย้ายวน หนามยอกอก
“ดอกบัว” สวยพิฆาต คมดาบบาดใจชาย
“โป๊ยเซียน” ..........กังฟูขนานแท้ ศิษย์เอกเกิดมาลุย
“หน้าวัว” ช้างสารทลายศึก พลังอึดไร้เทียมทาน
พวกเรา “พยัคฆ์สาว 5 พันธุ์ไม้” ฮีโร่พันธุ์ใหม่
พร้อมปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้าย
26 มกราคม 49...ทุกโรงภาพยนตร์
นิยามองค์กร (Genre) สวย เซ็กซี่ แอ็คชั่น ฮา (Acton-Comedy)
ออกปฏิบัติการ (Release Date) 26 มกราคม 2549
เครือข่ายองค์กร (Official Website) http://www.chailaimovie.com
องค์กรสร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
หน่วยดำเนินงานสร้าง (Production) ฟิล์ม กูรู
ประธานองค์กร (Executive Producer) สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมปฏิบัติการ (Producer) พจน์ อานนท์
กำกับการ (Director) พจน์ อานนท์
วางแผนงาน (Story + Screenplay) อัศจรรย์ สัตโกวิท, พจน์ อานนท์
ผู้ช่วยกำกับการ (Assistant Director) เมธัส นกเทศ
สั่งการงานภาพ (Director of Photography) ปัญญา นิ่มเจริญพงษ์
ถ่ายทอดภาพ (Camera Man) ทยา นิ่มเจริญพงษ์
ควบคุมภาพลักษณ์ (Costume Designer) พจน์ อานนท์
ออกแบบองค์กร (Production Designer) สมหมาย ลีรัตน์
ผู้จัดการหน่วยงาน (Production Manager) เพ็ญพิชชา มณเฑียร
ปฏิบัติการโดย (Cast) จินตหรา พูนลาภ (ชบา), บงกช คงมาลัย (กุหลาบ), ศุภักษร ไชยมงคล (บัว), เกศริน เอกธวัชกุล (โป๊ยเซียน), บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ (หน้าวัว), กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ (เฉิน), นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ (มิกิ), พรนภา เทพทินกร (เหมยหลิง / แอนนา ซุย), วรรณศักดิ์ ศิริหล้า (ป้อม / คิงคอง), นิธิชัย ยศอมรสุนทร (มังกร), วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย (กัส)
แผนปฏิบัติการ
แปลงเพาะเรียกไฉไล...แปลงเพาะเรียกไฉไล...ไฉไลตอบด้วย...พร้อมรวมตัวปฏิบัติการครั้งใหม่ ด่วน!!!
กุหลาบ...สวยพร้อม / ดอกบัว...พร้อมบาน / โป๊ยเซียน...พร้อมลุย / หน้าวัว...เยสเซอร์ / ชบา...เด้อค่าเด้อ
เมื่อพร้อมก็ดีแล้ว ภารกิจครั้งใหม่รออยู่ตรงหน้า จงดูอย่างไตร่ตรองและปฏิบัติตามอย่างรอบคอบ ทางฐานทัพจะคอยอำนวยความสะดวกแก่พวกคุณทั้ง 5 คนเอง
งั้นฉันขอเครื่องสำอางค์คอลเล็คชั่นใหม่จากปารีส / ของฉันต้องคอสตู้มซีซั่นล่าสุดจากมิลาน / ฉันขอไปฝึกวิทยายุทธ์เพิ่มเติมที่สำนักโทนี่ จา / เซอร์ เยสเซอร์ / ข้อยว้อนท์แค่ส้มตำปลาร้าเด้อ
หยุดดดดดดดดดดดดด!!! หน่วยเหนือให้ออกปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้าย ไม่ได้ให้ไป vacation...เอ้ยยยย...พักผ่อน ดูแผนลับที่อยู่ตรงหน้า แล้วรีบลงมือทันที เรามีเวลาไม่มากนัก ก่อนที่พวกผู้ร้ายจะชิง “สมบัติล้ำค่า” และ “บางกอกพารากอน” จะตกอยู่ในอันตรายไปซะก่อน
พวกคุณทั้ง 5 คนจะต้องปลอมตัวเพื่อไปปกป้อง มิกิ ทายาทของนักธรณีวิทยา ซึ่งเป็นคนเดียวที่ล่วงรู้ถึงที่ซ่อนแผนที่ของ “ไข่มุกอันดามันเพชฌฆาต” สมบัติล้ำค่าชิ้นสำคัญ ที่เป็นที่ต้องการของพวกวายร้ายรสแซ่บ
ไอ้มังกร / นางเหมยหลิง / อีคิงคอง / ไอ้พวกวายร้าย 5 ชาติ...สุดแสบกันทั้งนั้นเลย
ใช่ ๆ ๆ และก็ใช่ พวกคุณทั้ง 5 ดอก...เอ้ยยยย...5 คน จะต้องใช้ไหวพริบและฝีมือเฉพาะตัวในการล่อหลอกและพุ่งเข้าชนกับพวกผู้ร้ายสุดแสบเหล่านี้ และระวัง!!! จงอย่าประมาท และหลงกลพวกมันซะก่อนล่ะ หน่วยเหนือขอเตือน
และที่สำคัญ อย่าให้พวกมันได้ของชิ้นสำคัญนั้นไปอย่างเด็ดขาด เพราะถ้า “ไข่มุกอันดามันเพชฌฆาต” เม็ดนั้น โผล่พ้นจากใต้ทะเลขึ้นมาเมื่อไหร่ อานุภาพอันร้ายแรงของมันจะทำลาย “บางกอกพารากอน” ที่แสนศิวิไลซ์แห่งนี้...เละเป็นจุณ
สุดท้าย ที่หน่วยเหนือจะขอเตือน ก็คือ ความรักมักเป็นพิษแก่พวกคุณอยู่เสมอ ฉะนั้น...อ้าววววว หายไปไหนกันหมดแล้ว ยังพูดไม่จบเล้ยยยย...เฮ้ออออ...เป็นซะอย่างงี้ทุกที แม่พวก “ไฉไล”
เบื้องหลังภารกิจไฉไล
ผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดลำดับที่ 7 ของผู้กำกับคนดัง “พจน์ อานนท์” (สติแตกสุดขั้วโลก, 18 ฝนคนอันตราย, โกซิกส์: โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล, ว้ายบึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก, ปล้นนะยะ และ เอ๋อเหรอ) ที่เล่าเรื่องราวปฏิบัติการสุดมันส์คลุกเคล้าเสียงฮาของ 5 พยัคฆ์สาว (ชบา, กุหลาบ, ดอกบัว, โป๊ยเซียน, และหน้าวัว) ที่ต้องใช้ไหวพริบและฝีมือทางการต่อสู้ของพวกเธอ เข้าห้ำหั่นกับเหล่าวายร้ายรสแซ่บอย่าง มังกร, เหมยหลิง และ คิงคอง สมุนมือขวาสุดแสบและอันตราย เพื่อปกป้องและช่วยเหลือ มิกิ ลูกสาวนักธรณีวิทยาที่เป็นกุญแจหลักตัวเดียวที่กุมความลับที่ซ่อนแผนที่ “สมบัติล้ำค่า” ชิ้นสำคัญ ซึ่งเป็นที่ต้องการของเหล่าร้ายไว้
“ไฉไลเป็นหนังแอ็คชั่นคอเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของพยัคฆ์สาว 5 คน ที่ใช้รหัสลับเป็นชื่อดอกไม้แทนชื่อจริงของตน ก็คือ กุหลาบ, ชบา, ดอกบัว, โป๊ยเซียน และก็ หน้าวัว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีคาแร็คเตอร์ ความสวย ความเซ็กซี่ ความตลก และความสามารถในการต่อสู้ที่แตกต่างกันไป และจะอยู่ในองค์กรลับที่คอยช่วยเหลือสังคม เป็นพยัคฆ์สาวสายลับที่คอยสืบ คอยช่วยเหลือ คอยติดตามคล้าย ๆ FBI…”
ขึ้นชื่อว่า “หนังพจน์ อานนท์” แน่นอน...ต้องมาพร้อมความแปลกใหม่ที่เป็นสไตล์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรวมดาราหญิงชื่อดังของเมืองไทย, ฉากแอ็คชั่นแบบพิษสงรอบจัดของผู้หญิง, โลเกชั่นและคอสตูมที่สวยงามตระการตา รวมทั้งมุขตลกที่ฮาสะบัดตลอดทั้งเรื่อง
“จริง ๆ แล้ว ตอนแรกก็พยายามนึกถึงความแปลก ความสดใหม่ของนักแสดง รวมถึงจุดขายอะไรต่าง ๆ ด้วย แล้วก็นำมาเสนอและพูดคุยกับทางเสี่ยดู จริง ๆ เรานำเสนออยู่หลายคนมาก ๆ แต่เนื่องด้วยความไม่ลงตัว สรุปสุดท้ายก็ออกมาเป็นดาราหญิง 5 คนอย่างที่เห็น อย่างตั๊ก บงกช กับ กระแต ก็เน้นที่ความสวยเซ็กซี่ พี่ส้มเช้งนี่เลือกเพราะความตลก นุ้ยนี่ก็เลือกเพราะความคล่องตัวและความสามารถในการเล่นแอ็คชั่นของเค้า ส่วนจินตหรานี่ภูมิใจเสนอในความใหม่ด้านการแสดงของเค้ามาก ๆ เพราะเค้าเกือบได้เล่นหนังมาหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้มาเล่นหนังของเราเป็นเรื่องแรก แล้วก็ทำได้ดีด้วย ซึ่งคาแร็คเตอร์ของทั้ง 5 คนในเรื่อง พี่ก็จะอิงจากคาแร็คเตอร์จริงให้ได้มากที่สุด อย่างจินตหราก็จะเป็นอะไรที่ซื่อ ๆ ต๊อง ๆ ตามสไตล์เค้า พี่ส้มก็จะเป็นพลังเยอะหน่อย เพราะเค้าจะตัวใหญ่อะไรเงี้ย อย่างตั๊กกับกระแต ก็เป็นอะไรที่เซ็กซี่สวยพิฆาต นุ้ยก็จะบู๊สะบั้นหั่นแหลก ก็จะแตกต่างกันไป ไม่น่าเบื่อ
เรื่องฉากบู๊ในเรื่องนี้ก็จะมีผู้กำกับคิวบู๊อย่าง ‘พี่พยัคฆ์ รามวาทิน’ มาช่วยกำกับเรื่องคิวบู๊ ก็ให้เค้าดีไซน์ท่า ดีไซน์ออกมา แล้วเราก็ดูว่าจะเอามั้ย เราก็จะคิดมุขคิดเรื่องคิดอะไรของเราไปตามถนัด อย่างจะให้พี่ไปเตะต่อย พี่ก็ทำได้ แต่ก็จะไม่สวยเท่ากับที่ผู้กำกับคิวบู๊เค้าออกแบบ ส่วนใหญ่ก็เป็นการเสนอไอเดียกันมากกว่า ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะเอาแอ็คชั่นเท่ๆ ไปแข่งกับหนังฝรั่งซึ่งเคยเห็นกันมาแล้วได้ แต่ของเราจะเป็นหนังแอ็คชั่นที่มันแปลก ๆ มีความตลกเข้ามาให้คนดูเพื่อความแปลกใหม่ ถ้าถามว่า 100 เปอร์เซ็นต์มั้ย ก็ 70 สำหรับฉากแอ็คชั่น แต่ก็พยายามเต็มที่ แล้วอีกอย่างเวลามันก็น้อยสำหรับการทำงาน เพราะหนังแอ็คชั่นมันถ่ายยากมาก ก็จะขายที่ความแปลก และความตลกมากกว่า
นอกจากเรื่องของแอ็คชั่นก็จะมีเรื่องของความรักเข้าเกี่ยวข้อง เพราะผู้หญิงมันก็ต้องคู่กับเรื่องของความรักอยู่แล้ว เราก็คิดว่า ถ้าหนังแอ็คชั่นส่วนใหญ่คิดไปคิดมาคิดมาคิดไป แอ็คชั่นก็คือแอ็คชั่น ตามล่าล้างแค้นกันไปเป็นแนวเดิม ๆ หมด แต่เราก็ฉีกเอาความรักเข้ามา เพราะเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายมันก็ไม่ได้ เพราะไฉไลก็คือผู้หญิง ผู้หญิงก็เป็นเพศที่มีด้านที่อ่อนไหวมากกว่าผู้ชาย แต่ว่าคนที่มารักกับไฉไลก็ต้องมีอันเป็นไปหมด พวกเค้าก็เลยปฏิญาณกันว่าจะไม่มีความรักอีก ก็ผูกเรื่องความรักเข้ามา ไม่ใช่มีแต่เรื่องบู๊ตามล้างผลาญกันอย่างเดียว
เรื่องคอสตูมและโลเกชั่นก็จะเป็นคนออกไอเดียเองเกือบทั้งหมด แล้วก็กระจายไปให้แต่ละฝ่ายรับหน้าที่ต่อไป แต่เรื่องเสื้อผ้านี่ พี่จะค่อนข้างมีส่วนจัดการเองซะเป็นส่วนมาก เพราะยิ่งเรื่องนี้เน้นคอสตูมเก๋ ๆ เรายิ่งปล่อยให้หลุดไม่ได้
ส่วนโลเกชั่นก็คิดเอง แล้วก็ให้ลูกน้องไปติดต่อ ก็ตามความเหมาะสม ตามเนื้อเรื่อง บางที่ก็ให้พี่ปัญญา ตากล้องไปดูแถบทะเล เพราะพี่ไม่ค่อยเที่ยวอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่พวกพี่ปัญญาเค้าเที่ยวบ่อย เค้าก็ไปดูที่สวย ๆ มา แล้วก็มาถ่ายทำ ส่วนใหญ่ในกรุงเทพจะเลือกเอง แล้วให้ลูกน้องไปติดต่อ
ที่ทะเลก็จะเป็น จ. ตรัง หมู่เกาะอ่าวเจ้าไหม ถ้ำมรกต ก็ไปลอยคอกันในถ้ำ ตอนถ่ายทำก็ลำบากลำบนแสนเข็ญ เพราะว่าน้ำมันจะขึ้นตอน 3 โมง ลงตอน 11 โมง ก็ต้องรีบถ่ายให้เสร็จก่อนน้ำจะขึ้นตอน 3 โมง เพราะถ้าขึ้นมาก็จะถ่ายทำไม่ได้เลย จะเป็นจะตายกัน แต่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ก็สู้ตายกันทุกคน”
และถึงแม้จะเป็นหนังแอ็คชั่น-คอเมดี้ ที่ส่วนใหญ่ที่เรามักจะได้เห็นกัน ก็จะเน้นแต่ความมันส์สะใจเป็นหลัก แต่กับเรื่องนี้ ผู้กำกับมากไอเดียคนนี้ก็ไม่ได้ทิ้งหรือเมินเฉยที่จะสอดแทรกเนื้อหาสาระเข้าไปในหนังของเขาด้วยแต่อย่างใด
“ภารกิจครั้งนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ ในเรื่องก็จะเล่าเรื่องของไฉไลทั้ง 5 คนที่ต้องออกปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่งที่เป็นคนเดียวที่ล่วงรู้ถึงที่ซ่อนของ ‘ไข่มุกอันดามัน’ ที่พวกผู้ร้ายต้องการครอบครอง ก็จะมีทั้งฉากบู๊แอ็คชั่น มุขตลกสอดแทรกไปตลอดเรื่อง แต่สาระสำคัญจริง ๆ ของหนังก็จะสอนคนดูว่า คนที่ไปขุดปะการัง ไปเอาปลาขึ้นมาเลี้ยงเนี่ย มันก็จะเป็นการทำลายธรรมชาติในแง่หนึ่ง เหมือนอย่างในเรื่องนี้ ที่เราเล่าถึงไข่มุกอันดามัน คือไปขุดมันขึ้นมา และถ้ามันอยู่ในที่ร้อนมาก ๆ มันก็จะระเบิดทำลายพื้นที่ไปแบบมหาศาล เราก็เปรียบเทียบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องอยู่ในที่ของมัน ถ้าเราไปเอาขึ้นมา มันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ ก็จะสื่อไปทางนั้นมากกว่า...
โดยส่วนตัว จริง ๆ ชอบกำกับหนังแบบ ‘เอ๋อเหรอ’ นะ พี่ว่ามันทำง่าย แล้วมันก็ไม่เหนื่อยใจ คิดไปเรื่อย ๆ แล้วก็ชอบหนังแบบโรแมนติกคอเมดี้ ชอบหนังแบบดราม่า อะไรอย่างงี้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำ ได้ทำแต่หนังตลก
แต่สำหรับเรื่องนี้ที่เป็นแอ็คชั่นคอเมดี้ ก็เป็นอีกแนวที่พี่ไม่เคยทำมาก่อน ก็คาดหวังว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะเวลาเราน้อยด้วยสำหรับการถ่ายทำ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ก็ลองติดตามกันดูนะครับ”
ไฉไล...ฉายลาย
จินตหรา พูนลาภ (ชบา) - หญิงเหล็กของหน่วยคุ้มกันบุคคลสำคัญและปฏิบัติการพิเศษ “ไฉไล” มีความอึดทรหดอดทน กล้าบ้าบิ่น รักพวกพ้อง ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและความยุติธรรม ขณะเดียวกันก็มักจะออกอาการเปิ่น เฉิ่มแต่น่ารักออกมาให้เห็นอยู่เสมอ และอย่าเผลอเชียวล่ะ เพราะ “ตะหลิวสารพัดพิษ” คู่มือเธออาจจะเฉาะหัวคุณได้
“มันเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มาก ๆ คือจินเองไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้ทำแบบนี้ สิ่งที่เราได้ทำเนี่ย เป็นสิ่งที่จินค่อนข้างกลัวมาก ๆ กลัวจริง ๆ แต่มันได้ทำ แล้วก็ทำโดยที่แสดงเอง อาศัยความสามารถเอง มันทำให้เราได้ประสบการณ์ และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นจากสิ่งที่เรากลัว ไม่ว่าจะเป็นความสูง, เสียงระเบิดดัง, การดำน้ำ หรือเลือด ในหนังเรื่องนี้ครบสูตรจริง ๆ มันโดนหมดเลยจนชิน มันเลยเป็นอะไรที่ก็ดีเหมือนกันนะจากที่เราแบบขี้กลัว พอเรามาทำมันก็หายกลัวลงบ้างค่ะ อันนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ”
จินตหรา พูนลาภ ลูกทุ่งสาวเสียงพิณ เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2514 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด เริ่มเข้าสู่วงการเพลงด้วยการออกอัลบั้มลูกทุ่งหมอลำชุด “ถูกหลอกออกโรงเรียน” จากนั้นก็มีงานเพลงออกมาอีกหลายชุด และโด่งดังทำชื่อเสียงให้เธอแทบทุกชุด เธอเคยมีผลงานละครเรื่อง “นายฮ้อยทมิฬ” แต่กับงานภาพยนตร์นั้น “ไฉไล” ถือเป็นการแสดงหนังเรื่องแรกของเธอที่จะฉายแววนักแสดงอันลื่นไหลให้ได้ประจักษ์กัน...แค่นี้ จินบ่ยั่นหรอก
ผลงานภาพยนตร์ : ไฉไล (2549)
ตั๊ก-บงกช คงมาลัย (กุหลาบ) - สาวสวยอัจฉริยะในด้านยาพิษทุกชนิด มีความสามารถในการใช้อาวุธลับต่าง ๆ ฉลาดหลักแหลม เป็นคนชอบเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย ชอบเล่นพนันกับความตาย
“ตั๊กคิดว่าเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ทำขึ้นนะ ไม่มีหนังไทยเรื่องไหนที่จะทำได้ เพราะตั๊กเชื่อว่า เรื่องนี้มีคาแร็ค
เตอร์ตัวละครที่ค่อนข้างจะโดดเด่น แล้วก็ไม่น่าเบื่อ ไม่น่าซ้ำ ก็หาดูยากนะ การที่ 5 คนจะมารวมตัวกันได้ ตั๊กเชื่อว่าทุกคนต้องชอบ เพราะเป็นแฟนตาซี ตลกมาก ๆ การได้เห็นนางเอกมาตลกก็คงไม่ค่อยมีโอกาสหรอก”
บงกช คงมาลัย เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2528 แจ้งเกิดจากบทนางเอกหนังย้อนยุคในเรื่อง “บางระจัน” ตั้งแต่ที่เธอยังอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น หลังจากนั้น เธอก็ได้มาแสดงหนังย้อนยุคอีกเรื่องใน “ขุนแผน” ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนว่าทำให้เธอมีภาพลักษณ์เป็น “นางเอกหนังพีเรียดยุคใหม่” ไปโดยปริยาย
และถึงแม้ว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังเช่นนี้จะมาจาก “ทรวดทรงองค์เอว” และ “บทหวือหวา” ที่เธอมักจะได้รับอยู่เสมอ ๆ แต่ความสามารถทางการแสดงของเธอต่างหากล่ะ ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงแถวหน้าของไทยที่หาตัวจับได้ยากในยุคปัจจุบัน
ในเรื่อง “ไฉไล” นี้ ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เธอจะได้พลิกคาแร็คเตอร์มาบู๊แอ็คชั่นหั่นแหลกเป็นครั้งแรก...แค่นี้ ตั๊กสามารถ
ผลงานภาพยนตร์ : บางระจัน (2544), ขุนแผน (2545), ไอ้ฟัก (2547), เอ็กซ์แมน แฟนพันธุ์เอ็กซ์ (2547), ซุ้มมือปืน (2548), คนเห็นผี 10 (2548), ต้มยำกุ้ง (2548), ไฉไล (2549), The Passion (2549)
กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล (บัว) - สาวสวยเซ็กซี่ พิฆาตใจชายด้วยการใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ระวังฤทธิ์คมดาบบาดกายเพียงเสี้ยววินาทีของเธอให้ดี
“เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่กระแตร่วมงานแล้วเราได้คิดเองได้ทำอะไรเองเยอะมาก ๆ ซึ่งกระแตรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบว่าฉากแต่ละฉากพี่เค้าต้องการความละเอียดของหนังมาก ๆ คือพลาดนิดนึงไม่ได้เลย เอาใหม่ คือยอมเปลืองฟิล์มอะไรอย่างงี้ คือการถ่ายทำนี่ค่อนข้างจะยากมาก ๆ ไม่ใช่แบบง่าย ๆ แต่ภาพออกมาแบบว่า เออ...มันดีนะ”
ศุภักษร ไชยมงคล เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม (ปัจจุบันอายุ 22 ปี) เข้าสู่วงการด้วยการประกวดหนุ่ม-สาวดัชชี่ ปี 2542 และได้ตำแหน่งดัชชี่เกิร์ลของปีนั้นไปครอง ก่อนจะเข้าสู่วงการภาพยนตร์ด้วยการแสดงบทสมทบในหนังเรื่อง “ขุนแผน” และ “ดงพญาไฟ” เป็นเรื่องแรก ๆ หลังจากนั้นจึงได้รับบทนำในหนังเรื่อง “คนเล่นของ” และ “จี้” ก่อนที่แววการแสดงจะฉายเข้าตาผู้กำกับพจน์ อานนท์ และชักชวนให้มาพลิกคาแร็คเตอร์บู๊เซ็กซี่เป็นครั้งแรกในเรื่อง “ไฉไล”...แค่นี้ กระแตทำได้
ผลงานภาพยนตร์ : ขุนแผน (2545), ดงพญาไฟ (2545), คนเล่นของ (2547), จี้ (2548), ไฉไล (2549), น้ำพริกลงเรือ (2549)
นุ้ย-เกศริน เอกธวัชกุล (โป๊ยเซียน) - หมวยสาวของหน่วยไฉไล ที่มีความเชี่ยวชาญกังฟูและศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าทุกแขนงแล้ว ยังมีไม้เด็ดที่การใช้ไม้พลองได้อย่างแคล่วคล่อง
“จริง ๆ แล้วก็มันเป็นเรื่องของแอ็คชั่น ซึ่งตรงนี้เราก็ชอบและก็ถนัดอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของคาแร็คเตอร์ก็คงไม่ต่างอะไรมาก แต่ว่าในเรื่องก็คงจะเปรี้ยวเซ็กซี่มากกว่า เพราะจริง ๆ แล้วนุ้ยจะเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งตัว หนักไปทางนักกีฬา จะใส่กางเกงวอร์มอะไรอย่างเงี้ยที่ทำให้คล่องตัว แต่หนังเรื่องนี้ทำให้เราเปรี้ยวขึ้นแล้วก็เซ็กซี่ขึ้น แล้วก็กล้าขึ้นเยอะค่ะ”
เกศริน เอกธวัชกุล เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม (ปัจจุบันอายุ 25 ปี) จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะสังคมศาสตร์ เอกรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นนักกีฬาเทควันโด้ของไทย ก่อนเข้าสู่วงการด้วยการประกวดไทยซูเปอร์โมเดล 2002 (เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย) หลังจากนั้นก็มีผลงานโฆษณาและละครตามมาอีกหลายชิ้น ก่อนที่จะมีผลงานภาพยนตร์เป็นเรื่องแรกจากเรื่อง “เกิดมาลุย”
ด้วยรูปร่างและความสามารถทางด้านแอ็คชั่นและศิลปะการต่อสู้ทุกรูปแบบ ทำให้ “พจน์ อานนท์” ผู้กำกับของเรื่องได้คัดเลือก “นุ้ย เกศริน” ให้มารับบทเป็น 1 ใน 5 สาวไฉไล ในบท “โป๊ยเซียน” พยัคฆ์สาวที่เก่งด้านกังฟู เทควันโด้และถนัดในอาวุธมีดและกระบอง ซึ่งค่อนข้างตรงกับคาแร็คเตอร์จริงของตัวนุ้ยเอง...แค่นี้ นุ้ยสบายมาก
ผลงานภาพยนตร์ : เกิดมาลุย (2547), ไฉไล (2549)
ส้มเช้ง-บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ (หน้าวัว) - สาวจอมสืบของหน่วยไฉไล เป็นคนช่างสังเกต หูตาไว แถมพลังช้างศึก คึก และอึดหาใครเทียมทาน สามารถยกคนทุ่มได้เมื่อถูกแตะต้องร่างกายบางส่วน
“ถ้าเป็นหนังเรื่องนี้พี่ว่ายากมาก คือถ้าเป็นหนังธรรมดารักโรแมนติก มันก็จะเป็นถ่ายง่าย ๆ กุ๊กกิ๊ก ๆ น่ารัก ๆ แต่หนังเรื่องนี้เป็นหนังบู๊แอ็คชั่น-คอเมดี้ มันก็จะมีบทบู๊ด้วย แล้วก็บทตลกเฮฮา แต่ทั้งแล้วทั้งสิ้นก็คือเหนื่อย เอาความยากมาทำกับผู้หญิง มันก็เลยเป็นอะไรที่ยากและก็เหนื่อยมาก แต่ทุกคนก็เต็มที่กับมันค่ะ”
บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ เริ่มอาชีพการแสดงด้วยการเล่นลิเกให้กับ “คณะครื้นเครง เท่ง เถิดเทิง” ซึ่งเป็นคณของพี่ชายตัวเอง ก่อนจะได้รับเชิญให้มาแสดงในรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ในเวลาต่อมา นั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนและพลิกผันในหน้าที่การของเธอในทางที่ดีขึ้น เมื่อได้รับโอกาสครั้งใหญ่จากเจ้าของรายการให้มาแสดงละครตลกในรายการร่วมกับ “หม่ำ เท่ง โหน่ง” จนแจ้งเกิดในฐานะตลกหญิงได้ในที่สุด
กับภาพยนตร์เรื่อง “ไฉไล” นี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองให้เธอได้แสดงฝีไม้ลายมือของตลกหญิงชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของไทยในบทแอ็คชั่น-คอเมดี้ที่เจ้าตัวถึงกับโอดครวญว่าทั้งเหนื่อยและยากส์...แต่แค่นี้ ส้มเช้งสู้ตาย
ผลงานภาพยนตร์ : ไฉไล (2549)
เกรซ-นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ (มิกิ) — ลูกสาวคนเดียวของ เคนจิโร่-นักธรณีวิทยาผู้มีชื่อเสียง เป็นเด็กฉลาดมีไหวพริบ กล้าหาญ เป็นคนเดียวที่ล่วงรู้ถึงที่ซ่อนแผนที่ของ “สมบัติล้ำค่า” ที่พวกผู้ร้ายต้องการ
“เล่นเรื่องนี้ก็สนุกดี บางทีก็ผิดบทมั่ง ก็ต้องช่วย ๆ กัน ส่วนมากเกรซจะผิดพลาดตอนคิวบู๊มากกว่า เพราะต้องมีขึ้นสลิงต่อสู้กับพวกผู้ร้ายด้วย แต่ก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่”
นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2539 ปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี อินเตอร์เนชั่นแนล (RIS) เกรด 4 เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวด้วยการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “เอ๋อเหรอ” เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้เธอเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ เธอกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ออกมาอีกหลายเรื่องในปี 2549 ผลงานหนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง “ไฉไล” ในบทบาทของเด็กน้อยผู้กุมความลับที่ซ่อนแผนที่ของสมบัติล้ำค่า และกำลังถูกตามล่าจากเหล่าร้าย ซึ่งเธอจะต้องแสดงฝีไม้ลายมือในบทแอ็คชั่นเป็นครั้งแรกด้วย
ผลงานภาพยนตร์ : เอ๋อเหรอ (2548), ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (2549), ไฉไล (2549), นเรศวร (2549), เพาเวอร์ คิดส์ (2549), ส้มตำ (2550)
กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ (เฉิน) — หนุ่มมาดเท่ หน้าตี๋ ผู้มีเบื้องหลังบางอย่างปกปิดไว้ เขาเป็นผู้คอยช่วยเหลือเหล่าไฉไลอยู่ลับ ๆ และตกหลุมรักชบาอย่างหมดหัวใจ
“จริง ๆ บทนี้ไม่ยากนะครับ แต่ว่าเรื่องของแอ็คชั่นจะต้องเหนื่อยมาก บางฉากแค่ซีนเดียวแต่ว่าจะถ่ายนานมาก เพราะเรื่องนี้จะมีฉากแอ็คชั่นเยอะมาก ต่อสู้ ชึ้นสลิง กระโดด เตะต่อย อะไรอย่างงี้จะเยอะมากครับ และนี่เป็นหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกของผมด้วยครับ ผมว่ามันเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่ดีมากหนึ่งเรื่องตั้งแต่ดูหนังไทยมาเลยครับ เรื่องของเอฟเฟ็กต์ เรื่องของการลงทุนอะไรอย่างงี้จะสูงมาก เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากเข้าไปดูแบบเอฟเฟ็กต์ ความสนุกสนาน แบบอะไรอย่างงี้นะได้เลย”
กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2522 จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ เอกการเงิน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เข้าสู่วงการตั้งแต่อายุ 14 ปี ด้วยการถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นหลายฉบับ จากนั้นก็มีผลงานละครตามออกมาอีกหลายเรื่อง ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากภาพยนตร์เรื่อง “บุปผาราตรี” และ “บุปผาราตรี 2” ล่าสุดถูกชักชวนจากผู้กำกับพจน์ อานนท์ ให้เข้าร่วมปฏิบัติการ “ไฉไล” ในบทตำรวจหนุ่มที่คอยช่วยเหลือเหล่าไฉไลอย่างลับ ๆ
ปัจจุบัน เขายังรับหน้าที่เป็นดีเจคลื่น EFM 93.5 และ Bangkok Radio FM 94.0 ควบคู่ไปกับการแสดงด้วย
ผลงานภาพยนตร์ : บุปผาราตรี (2546), บุปผาราตรี 2 (2548), ไฉไล (2549)
สุ่ย-พรนภา เทพทินกร (เหมยหลิง / แอนนา ซุย)
แม่เลี้ยงของมิกิ ตัวร้ายรสแซ่บที่แกล้งทำดีกับมิกิ และหวังหลอกล่อให้ลูกเลี้ยงบอกที่ซ่อนแผนที่ลับ เพื่อให้ได้ “สมบัติล้ำค่า” มาไว้ในครอบครอง โดยการรวมหัวกับ “มังกร” นักธุรกิจชื่อดัง และลูกสมุนมากฝีมือหลายคน
“ความประทับใจก็คงที่พี่พจน์ให้โอกาสในการทำงาน ในเรื่องที่อยากเล่นหนังบู๊มานานมากแล้ว แต่ไม่มีใครชวนเล่นเลย ก็มีพี่พจน์นี่ล่ะค่ะที่ให้โอกาส อยากขับรถอยากยิงปืน แต่ไม่มีให้เราแสดงความสามารถตรงนี้เลย ก็ต้องขอขอบคุณ แล้วก็ประทับใจหลาย ๆ อย่าง คือที่ใคร ๆ บอกว่าพี่พจน์เป็นคนดุ ก็ต้องบอกเลยว่าพี่เค้า
ดุเฉพาะเวลางาน แต่ว่านอกเวลางานแล้วน่ารักมาก คุยด้วยแล้วมีมุขตลอดเลย คน ๆ นี้ถือว่าเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่งของวงการเลยค่ะ”
พรนภา เทพทินกร เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2536 และได้ตำแหน่งรองอันดับ 4 ไปครอง จากนั้นได้เดินทางไปชนะการประกวด Miss Chinese International 1994 ณ ประเทศฮ่องกง ก่อนที่จะมีผลงานด้านละครออกมาหลายเรื่อง และล่าสุดเธอมีชื่อเสียงอีกครั้งจากการออกพ็อกเก๊ตบุ๊ค “รักรสแซ่บ”
บทวายร้ายสุดแสบในเรื่อง “ไฉไล” ถือเป็นการกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งของเธอ หลังจากที่มีผลงานการแสดงในภาพยนตร์แนวคอร์ทรูม-ดราม่า เรื่อง “ศยามล” เป็นเรื่องแรกไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
ผลงานภาพยนตร์ : ศยามล (2538), ไฉไล (2549)
ผลงานภาพยนตร์ของ...พจน์ อานนท์
สติแตกสุดขั้วโลก (2538) — ผลงานเรื่องแรกที่เป็นการเปิดตัวพจน์ อานนท์ ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ไทยหน้าใหม่ ที่รวบรวมดาราวัยรุ่นในสังกัดมาขึ้นจอกันอย่างคับคั่ง แม้ภาพยนตร์ที่ล้อเลียนหนังกำลังภายในเรื่องนี้จะไม่เป็นที่ถูกใจนักวิจารณ์บ้านเราสักเท่าไรนัก แต่มันก็สามารถเป็นหนังไทยที่ทำเงินถล่มทลายในปีนั้นได้อย่างสบายๆ เพราะการที่หนังเน้นความบันเทิงย่อยง่ายซึ่งเป็นที่ถูกใจผู้ชมกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักนั่นเอง
18 ฝนคนอันตราย (2540) — หนังเรื่องที่สองของเขาเรื่องนี้ แม้จะยังคงเอกลักษณ์การรวมดาราวัยรุ่นไว้อย่างมากมาย แต่หนังถือได้ว่าเป็นการพลิกแนวของเขาอย่างสิ้นเชิง จากเรื่องแรกที่เป็นหนังตลกสุดโต่งมาสู่เรื่องที่สองที่เป็นดราม่าข้นคลั่ก หนังที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมอย่างไม่คาดฝัน นั่นทำให้ชีวิตช่วงวัย 18 ปีของพวกเขาเหมือนตกนรกทั้งเป็น หนังสามารถคว้าทั้งเงินทั้งรางวัลมาครอบครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี
Go Six: โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล (2543) — หนังรักโรแมนติกที่เน้นความบันเทิงเป็นหลัก และตั้งใจจะเป็นหนังล้อหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างจะประสบความล้มเหลวในด้านคำวิจารณ์และรายได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังไม่มีแนวทางในการนำเสนอที่ชัดเจนเพียงพอ กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ตัวเนื้อหนังที่เหมือนเป็นการจับแพะชนแกะอยู่เกือบตลอดทั้งเรื่อง
ว้ายบึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก (2546) — พจน์ อานนท์ กลับมาสู่แนวถนัดอีกครั้งกับหนังตลกวัยรุ่นที่เน้นเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีให้กันในทีมเชียร์ลีดเดอร์ โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าจะเป็นเพศใด ชาย, หญิง หรือ กะเทย ทุกคนเท่าเทียมกัน และทั้งหมดต้องร่วมกันเป็นทีม จึงจะประสบความสำเร็จได้ หนังกวาดรายได้ไปมากพอควร พอๆ กับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบที่มีออกมาไม่ยิ่งหย่อนกัน
ปล้นนะยะ (2547) — เรื่องราวของ 4 กะเทยสาวที่ประกอบไปด้วยเจ๊พริก, เสือ, ไนซ์ และกบ ที่ตัดสินใจปฏิบัติการปล้นธนาคารเพื่อหวังในชีวิตที่ดีกว่าในภายภาคหน้า แต่มันไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีโจรวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาปล้นในธนาคารแห่งเดียวกัน...“หยุด นี่คือการปล้น”...และหนังก็ปล้นเงินคนดูไปเกือบ 50 ล้านบาทเมื่อต้นปี 47 ที่ผ่านมา
เอ๋อเหรอ (2548) — กลับมาอีกครั้งอย่างต่อเนื่องกับหนังแนวอบอุ่น น่ารัก ใสซื่อ ที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหญิงมาดทโมนกับเด็กชายดาวน์ซินโดรมที่ต้องเข้าไปพัวพันกับโจรร้ายอย่างไม่ตั้งใจ แต่นั่นก็นำมาซึ่งมิตรภาพอันแสนประทับใจที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างทางนั้นของเหล่าเด็กน้อย--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ