กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--บลจ.ฟินันซ่า
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) เสนอกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.75% ต่อปี
บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ 2.575 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาทจากปี 57 ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนดีขึ้น และการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนและไต้หวันเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยก่อนเข้าสู่ช่วง High season ประกอบกับผลการศึกษาและวิเคราะห์ของ BOI ได้เน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยไปในเชิงบวกโดยประจำปี 57 ร้อยละ 98 มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตามปัจจัยลบภายนอกเกี่ยวกับการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ ประกอบกับมีเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์พร้อมด้วยผู้โดยสาร 295 คน ที่ยูเครนใกล้กับชายแดนรัสเซีย ทำให้นักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น
บลจ.ฟินันซ่า จึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน ชื่อกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน4 (FAM FIPR6M4) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.75% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 21 - 28 กรกฎาคม 57 ซึ่งเป็น กองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund
โดยกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน4 (FAM FIPR6M4) จะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น