กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นางรัชนี สุดจิตร์ ผู้ตรวจราชการและโฆษกประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงฯ ร่วมกับ พลเรือตรีปิติ วัลยะเพ็ชร์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจ เพื่อจัดทำสารคดีพิเศษชุด "ก้าวข้ามเพื่อตามฝัน" พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงในฝ่ายสังคมจิตวิทยา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดทำภาพยนตร์สารคดีพิเศษชุด "ก้าวข้ามเพื่อตามฝัน" เพื่อเสริมสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ชั้น ๕ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
นางรัชนี สุดจิตร์ ผู้ตรวจราชการและโฆษกประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า คณะทำงานเฉพาะกิจ จัดทำสารคดีพิเศษชุด“ก้าวข้ามเพื่อตามฝัน” เพื่อสนับสนุนการทำงานของฝ่ายสังคมจิตวิทยาในการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการขับเคลื่อนของกระทรวงต่างๆทั้ง ๗ กระทรวง ในฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข
การจัดทำสารคดีพิเศษชุด“ก้าวข้ามเพื่อตามฝัน” เป็นรูปแบบภาพยนตร์สารคดี นำเสนอเป็นตอนๆ จำนวน ๗ ตอน โดยนำเสนอเนื้อหาตามบริบทของสังคมที่เกิดขึ้นหลังความขัดแย้ง เพื่อที่จะร่วมมือกันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติของเรา หลังความขัดแย้งผ่านพ้นไป ภายใต้พลังจากความรัก ความสามัคคี ร่วมกันเดินหน้าได้ต่อไป ซึ่งเป็นการนำเรื่องราวต่างๆ มาสร้างกำลังใจให้แก่สังคมไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยอิงสาระของงานจากทั้ง ๗ กระทรวง ในฝ่ายสังคมจิตวิทยา
นางรัชนี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพยนตร์สารคดีชุดดังกล่าว ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ใช้ชื่อตอนว่า "กำลังใจเคลื่อนที่เร็ว" โดยเป็นเรื่องราวของทีมนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ซึ่งปฏิบัติงานในศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC ๑๓๐๐ ที่ผลัดเปลี่ยนกันอยู่คอยรับสถานการณ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งเป็นภาพการทำงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการออกไปกู้วิกฤตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง และความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัว บอกเล่าผ่านนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ที่ต้องออกไปช่วยเหลือประชาชนในกรณีต่างๆ ถึงแม้พวกเขาเองอาจมีปมขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ที่สุดแล้วการช่วยให้สังคมคลายทุกข์กลับเป็นรางวัลทางใจที่ทำให้พวกเขาเกิดความรักและสามัคคีมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปการก้าวข้ามความขัดแย้งแตกแยก ทำให้เกิดกำลังใจที่จะมอบให้แก่กัน สังคมได้เรียนรู้ถึงการสูญเสียที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์เหล่านี้ยังคงก้าวเดินต่อไปเพราะคนไทยยังคงต้องการกำลังใจที่มีให้แก่กัน อุทาหรณ์เหล่านี้จะช่วยฉุกคิด เพื่อชีวิตที่ดีและสังคมไทยที่ยั่งยืน