กรุงเทพ--18 ก.ย.--ททท.
รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แจ้งว่าสืบเนื่องจากการประชุมร่วมด้านการท่องเที่ยว 3 ฝ่าย คือ ไทย ลาว เวียดนาม ครั้งที่ 2 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนตุลาคม 2534 กำหนดให้ ททท.จุดประกายส่งเสริมให้นักลงทุนในภูมิภาคและนานาชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศทั้งสามมากขึ้นกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2540 คณะผู้แทนรัฐบาลไทยได้เดินทางไปเยือนประเทศเวียดนาม ซึ่งจากการหารือครั้งนั้นทราบว่าประเทศเวียดนามต้องการให้เกิดการลงทุนด้านการท่องเที่ยวในสาขาต่าง ๆ เช่น โรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว งานหัตถกรรม และสวนสนุก ททท.จึงได้จัดโครงการประชุมสัญจร เรื่องโอกาสการลงทุนด้านการท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามขึ้นเป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 6-13 กันยายน ศกนี้
รายงานข่าวแจ้งต่อไปว่า การประชุมดังกล่าวนำโดยนายสุรชาติ รุจิรัตนมณี ผู้อำนวยการฝ่ายประสานแผนการท่องเที่ยว ททท.พร้อมนักลงทุนทางด้านธุรกิจท่องเที่ยวจากไทยสาขาต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว สินค้าที่ระลึก สวนสนุก ทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค จำนวน 24 แห่ง ได้เดินทางไปยังกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม และได้เข้าพบนายบุย ฮวนเยิร์ท ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวสากลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา โดยนายบุย ฮวน เยิร์ท ได้กล่าวให้ความมั่นใจกับคณะดังกล่าวว่า นับแต่ปี 2537 เวียดนามมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพียง 1 ล้านคน และในปีต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้านคน กับคาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 1.8 ล้านคน อนาคตในปี 2543 เชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 3 ล้านคน ทำให้ประเทศเวียดนามมีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เทียบเคียงในฐานะประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน
นายบุย ฮวน เยิร์ท ยังกล่าวอีกว่า ประเทศเวียดนามมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวสูง ทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และงานหัตถกรรมพื้นเมืองจึงอยากระดมนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาร่วมทุนในการพัฒนา ซึ่งหากนักลงทุนไทยมีความพร้อมก็ยินดีต้อนรับทั้งในด้านธุรกิจโรงแรม ธุรกิจนำเที่ยว สวนสนุกหรืออุตสาหกรรมฟื้นฟูเมือง โดยรัฐบาลเวียดนามรับที่จะพิจารณาในหลักการและเงื่อนไขของนักลงทุนทุกประการ นอกจากนี้หากนักลงทุนไทยต้องการร่วมลงทุนใดในเวียดนามในวงเงินต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็จะออกใบอนุญาตให้ทันทีในเวลาไม่เกิน 1 เดือน--จบ--