กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--โฟร์ฮันเดรท
หากจะกล่าวถึงกีฬาเกี่ยวกับความเร็วหรือมอเตอร์สปอร์ต คงมีไม่กี่ชนิดที่ได้รับความนิยมและใครต่อใครหลายคนต่างหลงใหล โดยเฉพาะ “กีฬาโกคาร์ท” แต่ด้วยความเร็วแรง “โกคาร์ท”อาจกลายเป็นกีฬาที่น่ากลัวสำหรับใครบางคน ซึ่งต่างจากหนุ่มน้อยคนนี้ เพราะด้วยเสน่ห์ของความเร็วที่เร้าใจ ทำให้เขาตกหลุมรักได้โดยไม่ยาก และจากกีฬาที่มาจากความชื่นชอบ นำมาซึ่งการต่อยอดและก้าวสู่ตำแหน่งระดับโลกด้วยวัยเพียง 14 ปี ได้อย่างง่ายดาย
“น้องเนมคุง - จักรินทร์ ศิรินนท์ธนเวช” เริ่มก้าวเข้าสู้วงการกีฬาโกคาร์ทครั้งแรกจากการชักชวนของคุณพ่อ ด้วยเหตุผลที่อยากให้ลูกได้ใช้เวลาว่าให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้การมีน้ำใจนักกีฬา พร้อมได้สร้างจิตสำนึกในการขับขี่ปลอดภัยจากกีฬาชนิดนี้ จึงทำให้น้องเนมคุง เกิดความชื่นชอบ และต่อยอดทักษะพร้อมพัฒนาฝีมือจนคว้าตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี 2555 และก่อนหน้านั้นได้คว้า ตำแหน่งรองแชมป์โลก รุ่น T-Kart Mini Rok 60 cc. จากประเทศอิตาลี ในปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งนำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง
ทุกวันหยุดเสาร์- วันอาทิตย์ เนมคุงจะใช้เวลาทุ่มเทให้กับการซ้อมโกคาร์ท ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็น ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในกีฬาความเร็วชนิดนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เนมคุงตั้งใจไม่แพ้การกีฬา คือการให้ความสำคัญในเรื่องการเรียน “เราต้องทบทวนหนังสือที่เราเรียนมาทุกวันครับ” คำแนะนำเทคนิคการเรียนเก่งจากปากแชมป์โลกหนุ่มน้อยของเรา
ปัจจุบัน เนมคุง เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยความที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันฯที่ต่างประเทศบ่อยครั้ง จึงต้องการต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านภาษาให้ดียิ่งขึ้นไปในระดับคุณภาพ พร้อมๆ กับการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องในฐานะเด็กไทย
สำหรับกีฬาโกคาร์ท หากมองเผินๆ อาจดูค่อนข้างอันตราย ด้วยลักษณะกีฬาที่ต้องวัดกันระหว่างความเร็วกับเวลา แต่แท้จริงแล้ว “เนมคุง” ได้อธิบายถึงเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ให้เราเข้าใจว่า ในการฝึกกีฬาโกคาร์ทนั้น มีความปลอดภัย ซึ่งจะอยู่ในความควบคุมของครูผู้ฝึกสอน โดยจะเป็นผู้แนะนำการขับขี่ที่ถูกวิธี รวมถึงเทคนิคพิเศษต่าง ๆ อาทิ การเข้าโค้ง การควบคุมความเร็ว จุดเบรกและจุดบังคับเลี้ยว โดยจะทำการฝึกในสนามฝึกซ้อมที่มีมาตรฐานเท่านั้น ที่สำคัญกีฬาประเภทนี้ ยังสอนให้เขาได้เรียนรู้ในเรื่องไหวพริบและการตัดสินใจที่ดี เรียนรู้พื้นฐานด้านการระเบียบวินัยในการขับขี่และปลอดภัยเพื่อที่จะเป็นผู้ขับขี่ที่ในอนาคตได้
การเล่นกีฬาช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งประโยชน์ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตใจ อย่างแยบยล โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งตามธรรมชาติพวกเขามีความพร้อมที่อยากจะเล่นหรือร่วมกิจกรรมกีฬานั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การปลูกฝังกิจกรรมทางด้านกีฬาตั้งแต่วัยเด็ก จะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นมีความสนใจ
และสนุกกับการเข้าร่วมกิจกรรมนั้นๆ และจะตั้งใจพร้อมซึมซับเอาสิ่งที่ดีมีประโยชน์และสร้างคุณค่าได้ดียิ่งขึ้น ดังเช่นตัวน้องคนนี้ “เนมคุง - จักรินทร์ ศิรินนท์ธนเวช”