กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ.พรอดดิจิ (PDG) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดเพ็ท เป็น บจ. ลำดับที่ 101 ของตลาดหลักทรัพย์ mai พร้อมซื้อขาย 29 ก.ค. นี้ โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 756 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. พรอดดิจิ (PDG) จะเข้า จดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 นี้ โดย PDG เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. น้ำมันพืชไทย (TVO) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์จากการระดมทุนในตลาดทุน เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของ PDG จึงนำ PDG เข้าจดทะเบียนในรูปแบบ (spin off) ในตลาดหลักทรัพย์ mai
PDG เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวด PET (polyethylene terephthalate) สำหรับผลิตภัณฑ์ น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำผลไม้บรรจุขวด น้ำมันพืช รวมถึงน้ำปลาและเครื่องปรุงรส ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล และความตรงต่อเวลาในการส่งมอบสินค้า ส่งผลให้ PDG ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามานานกว่า 20 ปี
PDG มีทุนชำระแล้ว 135 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 70 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 2.80 บาท เมื่อวันที่ 21-23 กรกฏาคม 2557 คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 196 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายธงชัย ตันสุทัตต์ กรรมการผู้จัดการ PDG เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ขยายกำลังการผลิตขวด PET เพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นและการขยายตลาดของบริษัทฯ และใช้ในโครงการติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน ระยะเวลา และคุณภาพในการผลิต รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต
PDG มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มวิทยฐานกรณ์ ถือหุ้น 49.69% กลุ่มสันติวัฒนา ถือหุ้น 12.00% และกลุ่มศิวะนาวินทร์ ถือหุ้น 2.52% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) 13.14 เท่า โดยคำนวณจากกําไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 2 ปี 2556 ถึง ไตรมาส 1 ปี 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.21 บาท ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหักสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.prodigy.in.th และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th