(ต่อ) ตลาดหลักทรัพย์แถลงผลการประชุมคณะกรรมการฯ

ข่าวทั่วไป Tuesday June 29, 1999 16:33 —ThaiPR.net

1.2 กรณีบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นฟูกิจการมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์
1.2.1 ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย SP สั่งห้ามการซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย ซึ่งมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินงวดล่าสุดมีค่าต่ำกว่าศูนย์
1.2.2 ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศให้บริษัทจดทะเบียนดังกล่าว เข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอน และย้ายหมวดการซื้อขายไปยังหมวด REHABCO
1.2.3 เมื่อศาลอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการให้บริษัทจดทะเบียน เผยแพร่แผนฟื้นฟูดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปทราบ โดยตลาดหลักทรัพย์จะยังคงขึ้นเครื่องหมาย SP สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์จนกว่าบริษัทจะแก้ไขฐานะการเงินจนพ้นเหตุแห่งการเพิกถอนแล้ว
3. การขึ้นทะเบียนผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์
เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพของผู้บริหาร ที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน และเพื่อเสริมประสิทธิภาพการกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์ และส่งเสริมให้บริษัทหลักทรัพย์ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์และการปรับโครงสร้างตลาดทุนโดยรวมนั้น
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จึงมีมติ อนุมัติในหลักการให้ผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งบริษัทสมาชิกและบริษัทหลักทรัพย์ที่มิใช่สมาชิก ต้องขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ และผ่านการอบรมตามหลักสูตรขึ้นทะเบียนผู้บริหารภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ขึ้นทะเบียน ตลอดจนเข้าอบรมตามหลักสูตรต่อเนื่องทุกๆ 2 ปี ตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
4. ยกเลิกการลดหย่อนค่าบริการและค่าบำรุง ที่ตลาดหลักทรัพย์เรียกเก็บจากบริษัทสมาชิก
ตามที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ มีมติให้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมรายเดือนในการให้บริการข้อมูลรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ (PRS) และค่าบำรุงที่ตลาดหลักทรัพย์เรียกเก็บจากบริษัทสมาชิก ตั้งแต่งวดเดือนกรกฎาคม 2540 เป็นต้นมา โดยกำหนดเป็นมาตรการชั่วคราว จนกว่าภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวในทิศทางดีขึ้นนั้น
โดยที่ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2542 มีมูลค่าสูงกว่า 5,000 ล้านบาทต่อวัน ตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดไว้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จึงมีมติให้ยกเลิกการลดหย่อนค่าบริการข้อมูล PRS และค่าบำรุงรายเดือนที่ตลาดหลักทรัพย์เรียกเก็บจากบริษัทสมาชิกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542เป็นต้นไป
5. การปรับปรุงวิธีการคำนวณราคาปิดของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อเป็นการลดโอกาสในการสร้างราคาปิด และทำให้ราคาเปิดและปิดมีเสถียรภาพคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จึงได้มีมติให้ปรับปรุงวิธีการคำนวณราคาปิดของหลักทรัพย์โดยใช้วิธีผสมผสานระหว่างการสุ่มเลือกเวลาปิด (Random Time)และวิธี Call Market (CM) ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับวิธีการคำนวณหาราคาเปิดในช่วงเปิดทำการซื้อขาย (Pre-open) ในปัจจุบันจากเดิมกำหนดให้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Last transaction) เป็นราคาปิดและเวลาปิดทำการซื้อขายคือ 16.30 น. เป็นขยายเวลาเพื่อสุ่มเลือกราคาปิด
โดยในการคำนวณราคาปิดตามวิธีใหม่นี้ จะให้ระบบหยุดจับคู่คำสั่งซื้อขายด้วยวิธี AOM ณ เวลา 16:30 น.และยังคงรับคำสั่งซื้อขายจากสมาชิกมาเรียงลำดับไว้ระหว่างเวลา 16.30-16.35 น.จากนั้นระบบคอมพิวเตอร์จะเลือกสุ่มเวลาปิดในช่วง 16:35-16:40 น. และให้ใช้วิธี CM คำนวณหาราคาปิด นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์จะนำหลักการเลือกสุ่มดังกล่าว มาใช้ในการคำนวณราคาเปิดช่วง Pre-open เช่นกัน โดยจะทำการเลือกสุ่มเวลาเปิดในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของช่วง Pre-open เช้า (9:55 - 10:00 น.) และช่วงบ่าย (14:25 - 14:30 น.) คำสั่งซื้อขายที่เข้ามาในช่วงที่ใช้วิธี CM จะต้องเป็นคำสั่งระบุราคา(Limit Price) และตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดให้มีการเพิ่มคำสั่งซื้อขายประเภท At the Close (ATC) มาใช้ในช่วงที่ใช้วิธี CM ช่วงปิดตลาดเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อขาย ณ ราคาปิดได้ โดยใช้คำสั่งซื้อ ATC ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับคำสั่ง At the Open (ATO) ในช่วงเปิดตลาดโดยการจัดลำดับของคำสั่ง ATO และ ATC จะถือเป็นลำดับสุดท้าย
นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ยังมีมติให้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการซื้อขาย เพื่อกำหนดลักษณะการกระทำผิดเกี่ยวกับราคาซื้อขายหลักทรัพย์โดยห้ามบริษัทสมาชิกกระทำการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อาจมีผลให้ราคาและปริมาณซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด (False Market) หรือทำการเสนอซื้อหรือเสนอขายในราคาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเสียหายต่อระบบซื้อขายหลักทรัพย์
6. การแต่งตั้งรองประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติ แต่งตั้งนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ เป็นรองประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ แทนนายประทีป ยงวณิชย์ ที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ
7. การแต่งตั้งอนุกรรมการ
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ อนุกรรมการจรรยาบรรณสมาชิก และอนุกรรมการพิจารณาลงโทษสมาชิกและผู้รับใบอนุญาต แทนอนุกรรมการที่หมดวาระลงดังนี้
1. คณะอนุกรรมการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติแต่งตั้งให้ นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ และนายทรงเดช ประดิษฐสมานนท์ เป็นอนุกรรมการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ แทนอนุกรรมการที่ครบวาระ
2. คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณสมาชิก
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติแต่งตั้งให้ นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ นายประสิทธิ์ เตชะจงจินตนา นางอัศวินี ไตลังคะ และ นายธิติพันธ์ เชื้อบุญชัย เป็นอนุกรรมการจรรยาบรรณสมาชิกแทนอนุกรรมการที่ครบวาระ
3. คณะอนุกรรมการพิจารณาลงโทษสมาชิกและผู้รับใบอนุญาต
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มีมติแต่งตั้งให้นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ เป็นอนุกรรมการพิจารณาลงโทษสมาชิกและผู้รับใบอนุญาตแทนอนุกรรมการที่ครบวาระ
8. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหา
คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ได้รับทราบการลาออกของ นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2542
ในการนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสรรหา เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการที่ขอลาออก โดยมีนายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นประธานฯ และมีนายเพ็ญวรรณ ทองดีแท้ และนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ เป็นอนุกรรมการสรรหา--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ