กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--Ericsson
รายงานของอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ (Ericsson ConsumerLab) ฉบับใหม่ได้ทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ใช้สมาร์ทโฟนซึ่งส่งผลมาจากการความนิยมและการเติบโตของการใช้งานสมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่นโดยเฉพาะในประเทศอินเดียซึ่งมีจำนวนการใช้โมบายโฟนเพิ่มขึ้นสูงสุดในโลก ประมาณ 28 ล้านในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2014
ประสิทธิภาพของเครือข่ายโดยเฉพาะ ความครอบคลุมของเครือข่ายในตัวอาคาร (Indoor Coverage) ความเร็ว (Speed) และความสามารถในการเข้าถึงเเน็ตเวิร์คในทุกสถานที่ (Network Availability) ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมของผู้ใช้งานใหม่ๆอีกด้วย
อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บได้ทำการศึกษาวิจัยว่าการใช้งานแอพพลิเคชั่นและสมาร์ทโฟนนั้นนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมแบบใหม่ให้กับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศอินเดียได้อย่างไร รวมถึงความคาดหวังต่อประสิทธิภาพของโมบายบรอดแบรนด์นั้นเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ทางอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บได้ทำการวิจัยกับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนกว่า 400 คนที่พักอาศัยอยู่ใน 18 หัวเมืองหลักในประเทศอินเดียในระหว่างช่วงเดือน เมษายน ถึง มิถุนายน ปี 2014 ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้เป็นการสำรวจถึงความเข้าใจและทัศนคติของผู้บริโภคต่อการใช้งาน โดยเทียบกับผลการใช้งานจริงที่วัดจากอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่พวกเขาใช้อยู่ เพื่อช่วยสร้างความเข้าใจในเรื่องของประสิทธิภาพของเครือข่ายโมบายบรอดแบรนด์ ในแง่ของความพึงพอใจและความต้องการ พฤติกรรมการใช้งานแอพพลิเคชั่น ปริมาณการใช้งานดาต้า ตลอดจนปัจจัยหลักที่คอยขับเคลื่อนประสิทธิภาพของเครือข่ายในภาพรวมอีกด้วย
ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา การใช้งานแอพพลิเคชั่นเพิ่มขึ้นมา 63 เปอร์เซ็นต์ และระยะเวลาในการใช้งานสมาร์ทโฟนนั้นก็ยาวนานขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใช้งานในประเทศอินเดียจะใช้งานสมาร์ทโฟนมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และ 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานก็ทำการเช็คข้อมูลที่หน้าจอมากกว่า 100 ครั้งต่อวันอีกด้วย โดยทั้งนี้ประมาณ 1 ใน 3 ของเวลาที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟนนั้นจะเป็นการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยเทรนด์และพฤติกรรมลักษณะนี้ได้รับการการคาดการณ์ว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน
และที่น่าสนใจก็คือแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้โซเชียลและการสนทนา (Social & Chat) คือเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้งานรายใหม่ตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตาม 40 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มผู้มีการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื้อง (Mature Smartphone Users) กลับกล่าวว่า การใช้งานของพวกเขานั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้งานด้านโซเชียลเท่านั้น ทั้งนี้ 24 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนจะใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์ เช่น WhatsApp และ WeChat เพื่อจุดประสงค์ทางธุรกิจในการซื้อขายสินค้าและการบริการ ตลอดจนการเข้าถึงกลุ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ
ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงการใช้งาน Wi-Fi หรือ บรอดแบรนด์ที่บ้าน (Fixed Broadband) ได้ โดยประมาณ 8 ใน 10 ของผู้ใช้งานเหล่านี้จะมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เนตโดยผ่านอินเทอร์เนตบนโทรศัพท์มือถือแทน
นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า “วุฒิภาวะหรือความเข้าใจในประโยชน์ต่างๆนั้นมีความสำคัญต่อพฤติกรรมการใช้โมบายบรอดแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอีกด้วย โดยกลุ่มผู้ที่มีใช้งานมานานจะมีการใช้งานดาต้าที่มากกว่าผู้ใช้งานรายใหม่เกือบ 2 เท่า เพราะผู้บริโภคนั้นสามารถเข้าถึงและเล็งเห็นประโยชน์ของแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆที่สามารถตอบสนองความต้องการและช่วยการดำเนินชีวิตประจำวันและธุรกิจของพวกเขาได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อัตราการใช้โมบายบรอดแบรนด์นั้นยังคงเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆนั้นเอง”
การใช้บริการโมบายวิดีโอหรือรับชมวีดีโอบนโทรศัพท์มือถือ ก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้นอีกด้วย โดยพบว่าผู้ใช้งานโมบานบรอดแบรนด์ มีการเข้าถึงและใช้งานวีดีโอแอพพลิเคชั่นต่างๆมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้โมบานบรอดแบรนด์ถึง 61 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของผู้บริโภคโดยรวมต่างมองว่า สมาร์ทโฟนคือช่องทางเดียวที่พวกเขาใช้สำหรับรับชมวิดีโอออนไลน์ โดยการรับชมวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการชมผ่านทางแอพพลิเคชั่นแชต (Chat Apps) โดยกว่า 1 ใน 3 ของผู้รับชมโมบายวิดีโอที่ได้ถูกแชร์จากเพื่อนของพวกเขา และผู้บริโภคยังมีความชื่นชอบที่จะรับชมวิดีโอออนไลน์ หรือ วิดีโอสตรีมมิ่งมากกว่าการดาวน์โหลด แต่อย่างไรก็ตาม การรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งบนโทรศัพท์มือถือกว่า 4 ใน 10 ครั้ง มักพบปัญหา วีดีโอบัฟเฟอร์ และการหลุดการเชื่อมต่อกลางคันซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรับชม
ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศอินเดียใช้เวลากับสมาร์ทโฟนประมาณ 191 นาทีต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ใช้ในการรับชมทีวีซึ่งประมาณ 128 นาทีต่อวัน ประสิทธิภาพของเครือข่ายที่ดีส่งผลต่อความพึงพอใจและพฤติกรรมของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งก็ทำให้พวกเขาสามารถดาวน์โหลดและเข้าเว็บเพจต่างๆได้รวดเร็วขึ้น รับชมวิดีโอออนไลน์หรือวิดีโอสตรีมมิ่งผ่านทางแอพพลิเคชั่นได้นานขึ้น ตลอดจนการเชื่อมต่ออินเทอร์เนตผ่านโมบายบรอดแบรนด์ที่นานมากขึ้นอีกด้วย
แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคต่างเริ่มมีการกำหนดคำนิยามและความคาดหวังต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย โดยผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในประเทศอินเดียต่างเริ่มมองว่า จำนวนการหลุดหรือดรอปลงของการเชื่อมต่ออินเทอร์ ความรวดเร็วของการเข้าหน้าเว็บเพจ เวลาในการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ ความครอบคลุมของเครือข่ายในตัวอาคาร เวลาที่ใช้ในการนำส่งไฟล์ข้อมูลบนแอพพลิเคชั่นแชตต่างๆ กลายเป็นตัวที่บ่งบอกถึง ประสิทธิภาพของเครือข่ายได้ดีในมุมมองของพวกเขาแล้ว
โดยการวิจัยครั้งนี้เปิดเผยว่ามีความแตกต่างระหว่างความคาดหวังของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและประสบการณ์การใช้งานจริง ผู้บริโภคชี้ว่า ความครอบคลุมของเครือข่ายในตัวอาคาร (Indoor Coverage) ความเร็ว และความสามารถในการเข้าถึงเเน็ตเวิร์คในทุกสถานที่ (Network Availability) เป็นสิ่งที่สำคัญต่อพวกเขา แต่ในความเป็นจริง กว่าครึ่งหนึ่งของสิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดปัญหาก็เฉพาะในกรณีที่พวกเขาอยู่ในพื้นที่มีการใช้งานหนาแน่นเท่านั้น
ทั้งนี้ นายบัญญัติ ยังกล่าวเสริมว่า “ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนต่างเริ่มให้ความสำคัญต่อศักยภาพของศูนย์บริการในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการใช้โมบายด์ดาต้าต่างๆของพวกเขา รวมถึงการแนะนำและเลือกใช้งานโมบายด์ดาต้ากับราคาที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา โดยทางอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บเผยว่า 76 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานยินดีที่จะจ่ายค่าบริการที่สูงขึ้นถ้าพวกเขาจะได้รับการรันตีว่าพวกเขานั้นจะได้รับประสบการณ์ในด้านของโมบายด์ดาต้าที่ดีขึ้นจริง”
ในอนาคตอันใกล้ ผู้บริโภคต่างจะมีการเข้าถึงและใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้น ซึ่งความคาดหวังต่อที่จะการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นของเครือข่าย (App Coverage) ในทุกๆที่ ตลอดจนความเร็วของเครือข่ายก็จะสูงขึ้นตามมาอีกด้วย
ประสิทธิภาพและการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นของเครือข่าย (App Coverage) เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการเครือข่ายทั้งหลายต่างให้ความสนใจอย่างมาก โดย อีริคสันพร้อมนำเอานวัตกรรมโซลูชั่นและประสบการณ์จากทั่วโลกมาช่วยให้ผู้ให้บริการนั้นสามารถตอบสนองและรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น