กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--IR network
บมจ. อี ฟอร์ แอล เอม หรือ EFORL” เปิดความจริง ดีลซื้อหุ้นวุฒิศักดิ์ใกล้คลอด ล่าสุดอยู่ระหว่างทำดิวดิลิเจนซ์ หากดีลคืบหน้า 100% พร้อมแจ้งตลท.ทันที พร้อมปัดข่าวลือเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง ลั่นปีนี้ยังเป็นปีแห่งการ Turn Around
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)(EFORL) เปิดเผยว่าบริษัทได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่าบริษัทมีการลงนามแสดงเจตจำนงค์ในการลงทุนซื้อหุ้น บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2557 และได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาด้านภาษีอากร และด้านอื่นๆ เข้าทำการศึกษา ในรายละเอียด (Due Diligence) บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนโดยปกติสำหรับการซื้อขาย ทั้งนี้ผู้จะขายได้กำหนดระยะเวลาในการทำ Due Diligence และการชำระเงิน (Closing Date) ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับจากวันที่ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ ดังกล่าว ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทำ Due Diligence ซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติของสัญญา และมีความคืบหน้าใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งหากผลการทำ Due Diligence ประสบความสำเร็จ บริษัทก็จะแจ้งตลท.เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
ตามข้อบังคับตลท. เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศ เรื่องรายงานการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้ชี้แจงว่าบริษัทยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และการเพิ่มทุนอื่นๆ แต่ประการใด โดยการชี้แจงดังกล่าวเป็นผลมาจากกรณีที่ราคาหุ้น EFORL ปรับตัวลดลง26.88% ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมาว่า บริษัททราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่มีข่าวลือในห้องค้าและ Social Net work ว่าการเจรจาซื้อคลินิก เสริมความความงาม วุฒิศักดิ์ ไม่ประสบความสำเร็จ และมีข่าวลือว่าบริษัทจะเพิ่มทุน โดยออกหุ้นสามัญให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) “สำหรับกรณีดังกล่าวทางบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาจะแจ้งต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเอาผิดแก่ผู้ที่ปล่อยข่าว เนื่องจากก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทและนักลงทุน อย่างไรก็ตามอยากขอให้นักลงทุนอย่าเชื่อข่าวลือ และขอให้ติดตามข่าวจากบริษัทที่จะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ซึ่งมาจากผู้บริหารโดยตรง” นายธีรวุทธิ์ กล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมั่นใจในแผนการดำเนินธุรกิจหลักจากการจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีการเติบโตสม่ำเสมอ ส่วนการลงทุนหรือได้มาซึ่งทรัพย์สินอื่นๆที่อาจจะมีขึ้นในอนาคตก็เพื่อกระจาย สร้างโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทด้วยเช่นกัน