กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสกรณ์
สั่งเร่งในพื้นที่วอนเกษตรกรอย่าเร่งเก็บผลผลิตที่ยังไม่โตเต็มที่ ยันหน่วยเกี่ยวข้องกำลังเร่งตรวจสอบกลไกการตลาดทั้งตลาดในและต่างประเทศ
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตลำไยในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมด้วยนายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ร่วมประชุมว่า จากสถานการณ์ราคาผลผลิตลำไยในภาคเหนือที่ตกลงขณะนี้ สาเหตุหนึ่งเกิดจากเกษตรกรเร่งเก็บผลผลิต ทำให้ผลผลิตลำไยมีขนาดเล็ก ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงที่ราคาสูง เพราะเกรงว่าจะมีฝนตกหนัก จึงได้มอบหมายให้เกษตรจังหวัดเร่งจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการกดราคารับซื้อจากเกษตรกร และอีกสาเหตุหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการโรงอบลำไยในพื้นที่งดรับซื้อเนื่องจากเกินปริมาณที่รับได้จากการขาดเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานงานร้วมกับสถาบันการเงินเพื่อเข้ามาให้การสนันสนุนวงเงินเพิ่มเติมแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก คชก.วงเงิน 73 ล้านบาทนั้น ขณะนี้พื้นที่ 8 จังหวัดได้เร่งดำเนินมาตรการเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะการกระจายผลผลิตไปยังภูมิภาคอื่นๆ และกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปบริโภคลำไยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขอความร่วมมือจากพ่อค้ารายใหญ่ทั้ง 5 ราย ในการกำหนดราคาที่เหมาะสม โดยเกษตรกรไม่เดือดร้อน คือ ลำไยร่วงเกรด AA ได้ราคาที่กิโลกรัมละ 20 บาทขึ้นไป แต่หากว่าราคาลดลงเหลือไม่ถึงกิโลกรัมละ 14 บาท ก็จะใช้เงินทุนจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก.ออกมาช่วยเหลือเกษตรกรในหลายมาตรการต่อไป ขณะเดียวกันทางฝ่ายทหารก็ได้ประชุมผู้รับซื้อลำไย และเกษตรกร เพื่อเร่งแก้ไขปัญหานี้เช่นกัน
"จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ลำไยในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่า ประมาณการผลผลิต 530,802 ตัน เก็บเกี่ยวแล้ว 164,800 ตัน 31.06 ยังไม่เก็บเกี่ยว 366,000 ตัน 68.97 โดยในระยะนี้จะเริ่มมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งที่เชียงใหม่ผลผลิตเก็บเกี่ยวแล้วกว่า 30% หรือ 164,000 ตัน โดยช่วง 1-2 สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตออกมากที่สุด ทำให้มีจุดรับซื้อไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้พ่อค้าจีนใช้เป็นข้ออ้างกดราคารับซื้อ ทำให้ขณะนี้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่อง จากราคาสดช่อ AA กก.ละ 35 บาท ขณะนี้เหลือ 18 บาท สดร่วง AA เปิดตลาด กก.ละ 24 บาท เหลือ 18 บาท ขณะที่เกรด A เหลือ 9 บาท เกรด B 3.5 บาท และ C เหลือ 1 บาท ซึ่งพบว่าไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีอยู่มากจึงต้องเร่งแนวทางแก้ไข โดยเฉพาะกลไกของราคาที่มีกลุ่มพ่อค้าควบคุมมากเกินไปที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาดำเนินการ" นายชวลิต กล่าว
สำหรับมาตรการในระยะยาวนั้นได้เน้นย้ำให้เกษตรจังหวัดเข้าไปให้ความรู้ทางวิชาการกับเกษตรกรตั้งแต่ลำไยเริ่มออกช่อ ควรมีการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพเกรด AA - เกรด A ที่เกษตรกรจะขายได้ราคารวมทั้งทำให้ผลผลิตไม่ออกมาแบบกระจุกตัว ซึ่งทางจังหวัดลำพูนได้ดำเนินการมาแล้วทำให้ผลผลิตลดลงไปกว่า 10% และเป็นผลลำไยขนาดเกรด AA และ A เฉลี่ยกว่า 90%