กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--เมืองไทยประกันชีวิต
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ออกแบบประกันใหม่ “เมืองไทย ซุปเปอร์ กู๊ด 12/5” เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน อายุระหว่าง 35-55 ปี ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่ลูกค้าต้องการแบบประกันที่มุ่งวางแผนการออมพร้อมไปกับการวางแผนทางภาษี
นายสาระกล่าวว่าบริษัทฯเปิดตัว“เมืองไทย ซุปเปอร์ กู๊ด 12/5” ด้วยจุดเด่นรับเงินจ่ายคืนทุกปี รวมรับผลประโยชน์ตลอดสัญญาสูงถึง 155%ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันเริ่มสัญญา นอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ได้วางไว้ สังเกตได้จากการร่วมออกบูธในงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 15ที่ผ่านมาก็พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจแบบประกันออมทรัพย์ที่มีการการันตีผลตอบแทนสูง ซึ่งแบบประกันนี้มีอัตราผลตอบแทน(IRR) สูงสุด 3.50%ต่อปีสำหรับผู้เอาประกันภัยอายุ 1เดือน – 50ปี จำนวนเงินเอาประกันภัยตั้งแต่ 500,000บาทขึ้นไป
หมายเหตุ ผลประโยชน์เงื่อนไขและความคุ้มครองโดยละเอียดเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
“ปัจจุบัน เมืองไทยฯ นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันครอบคลุมทุกประเภท ทั้งแบบออมทรัพย์คุ้มครองตลอดชีพบำนาญอุบัติเหตุส่วนบุคคลยูนิเวอร์แซลไลฟ์และยูนิตลิงค์โดยพบว่าแบบประกันออมทรัพย์ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตราการเติบโตสูงที่สุดโดยในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2557ที่ผ่านมา พบช่องทางตัวแทนเติบโตสูงถึง 92% ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาคครัวเรือนค่อนข้างจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นก็ตาม แต่ด้วยการพัฒนาระบบการดำเนินงานและการบริการด้านต่างๆ โดยเฉพาะการมุ่งอำนวยความสะดวกการจัดกิจกรรม และมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า โดย ‘เมืองไทย Smile Club’ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจของเมืองไทยฯ สามารถเติบโตต่อเนื่องได้สูงกว่าเป้าหมายที่ได้วางไว้ 15% ต่อปี”นายสาระกล่าว
สำหรับผลงานเบี้ยประกันในช่วง มกราคม-มิถุนายน 2557 เมืองไทยประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวม(Total Premium) 39,440 ลบ. เติบโตสูงถึง 31% สูงกว่าอัตราการเติบโตของภาพรวมธุรกิจ แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับใหม่(NBP) 19,368 ลบ. เติบโต 41% และเบี้ยประกันรับปีต่อไป(RYP) 20,072 ลบ. เติบโต 23%
ทั้งนี้ คาดว่าทิศทางความต้องการของลูกค้าโดยรวมยังคงให้ความสนใจแบบประกันประเภทออมทรัพย์โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะให้ความสำคัญและคำนึงเรื่องการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีด้วยแต่อย่างไรก็ตาม การประกันชีวิตพร้อมความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรงก็ยังเป็นแนวโน้มที่ลูกค้าต้องการด้วยเช่นเดียวกัน