กรุงเทพ--29 พ.ค.--ไทย-ลาว พาวเวอร์
บริษัท ไทย-ลาวพาวเวอร์ (ทีแอลพี) จัดกัด และบริษัท เอ็นเนอยี เวอร์ซอร์กุง ชวาเบ็น (อีวีเอส) แห่งเยอรมนี ลงนามในสัญญาร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการลงทุน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 26,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากถ่านหิน ลิกไนท์ ที่เมืองหงสา ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยจะเริ่มโครงการก่อสร้างในเร็ว ๆนี้ เพื่อที่จะให้โครงการแล้วเสร็จเริ่มผลิตได้ในกลางปี 2544 และส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 600 เมกกะวัตต์
เมื่อวานนี้ ณ โรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน คุณหญิงแร่ม พรหโมบล บัณยประสพ นายศิวะ งานทวี และนายธงชาติ โสภณดิษย์ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-ลาว พาวเวอร์ จำกัด ได้ลงนามในสัญญากับ ดร.ฮาร์ทมุท บิลเกอร์ กรรมการบริษัท อีวีเอส จำกัด ซึ่งจะเข้ามาร่วมทุนในโครงการหงสา ทั้งนี้ อีวีเอสเป็นบริษัทชั้นนำของเยอรมันที่ดำเนินงานทางด้านการบริหารการผลิตพลังงานไฟฟ้า
โครงการดังกล่าวเป็นโครงการลงทุน 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30% ของเงินลงทุน หรือ 300 เหรียญ โดยเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท อีวีเอส จำกัด (เยอรมนี) 20% สถาบันการเงินต่างๆ 20% Strategic Partner 10% กลุ่มงานทวีหรือบริษัท ไทยลาวลิกไนท์ จำกัด 50%
สำหรับเงินทุนอีก 700 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 17,500 ล้านบาทนั้น จะเป็นการะดมทุนทั้งจากสถาบันการเงินต่างประเทศและในประเทศ
คุณหญิงแร่มกล่าวว่า โครงการหงสานี้ นับเป็นความสำเร็จและความภูมิใจอย่างสูงยิ่งโครงการหนึ่งที่แสดงถึงความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีร่วมกันระหว่างไทย-ลาว และด้านการสนับสนุนอย่างเป็นทางการของรัฐบาลทั้งสอง ทำให้เป็นหลักประกันความมั่นใจได้อย่างแน่นอนในการที่โครงการนี้จะได้รับความสนใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของโครงการทั้งสองจากสถาบันการเงินและนักลงทุนที่จะเข้าร่วมสนับสนุนในโครงการ
นายศิวะ งานทวี กล่าวว่า โครงการนี้นับเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศลาว ที่มีเหมืองลิกไนท์เป็นของตนเอง และเป็นแหล่งวัตถุดิบได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ โดยได้จัดตั้งบริษัทหงสาในพื้นที่สัมปทาน 60 ตารางกิโลเมตร ป้อนลิกไนท์ให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าโดยบริษัท ไทย-ลาว พาวเวอร์ เป็นผู้ดำเนินการ โรงไฟฟ้าไทยลาวพาวเวอร์นี้เป็นโรงงานขนาด 350 เมกกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิตจะผลิตไฟฟ้าได้ 700 เมกกะวัตต์ ส่งขายให้แก่ กฟผ.ประมาณ 600 เมกกะวัตต์ เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี ตามสัญญาบันทึกความเข้าใจ ซึ่งได้ลงนามไว้เมื่อเดือนกันยายน 2539 ทั้งนี้เป็นไปภายใต้สัญญารัฐบาลไทยลาวที่ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2535 ที่ไทยซื้อกระแสไฟฟ้าจากลาว 1,500 เมกกะวัตต์
นายศิวะ เสริมความมั่นใจในโครงการหงสาว่า ด้วยปริมาณและคุณภาพของลิกไนท์ที่มี จากการสำรวจและประเมินปริมาณสำรองโดยกฟผ. พบว่าในเขตสัมปทาน 60 ตารางกิโลเมตร ที่หงสานี้ มีปริมาณลิกไนท์สำรอง 800 ล้านตัน โดยที่การผลิตกระแสไฟฟ้า 700 เมกกะวัตต์ จะใช้ถ่านหินเพียง 5 ล้านตันต่อปีเท่านั้น ดังนั้น เมื่อโครงการหงสา 700 เมกกะวัตต์แล้วเสร็จในปี 2544 นี้ บริษัทเชื่อมั่นว่า พร้อมที่จะขยายงานเพื่อรองรับความต้องการกระแสไฟฟ้าของไทยที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนบริษัทอีวีเอส ดร.อาร์ทมุท กล่าวด้วยความมั่นใจที่จะได้เข้าร่วมทุนพัฒนาโครงการนี้ว่า อีวีเอส เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารรงานโรงไฟฟ้ามานาน มีผลงานอยู่มากมายทั้งในประเทศเยอรมันและประเทศในยุโรป และด้วยความเชื่อมั่นในบริษัทไทย-ลาวพาวเวอร์ ที่มีผู้บริหารและผู้ลงทุนทุกคนล้วนมีความสามารถและประสบการณ์การทำเหมืองแร่และบริหารโรงไฟฟ้ามายาวนาน ประกอบกับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลไทยลาว โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะสำเร็จอย่างงดงามเท่านั้น แต่จะเป็นแบบอย่างสำหรับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่จะมีต่อไปในอนาคตระหว่างไทย-ลาวอย่างแน่นอน--จบ--