กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--IR network
"ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์" พกความมั่นใจนำทัพหุ้น RICHY เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 7 ส.ค. นี้ เชื่อนักลงทุนตอบรับอย่างดีเยี่ยม มีปัจจัยพื้นฐานแน่นปึ๊กเป็นแรงหนุน ธุรกิจเติบโตควบคู่กับการขยายตัวของระบบคมนาคม กางแผนผุดโครงการใหม่เน้นแนวรถไฟฟ้าทันที หลังรับเงินจากการขายหุ้น IPO ย้ำชัดไม่มีการนำไปชำระหนี้เก่าแม้แต่บาทเดียว
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ RICHY มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น RICHY ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งปรเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2557 จะได้รับการตอบรับที่อบอุ่นและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น โดยที่ผ่านมากระแสตอบรับในช่วงเปิดขายหุ้น IPO ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจของ RICHY จะขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน มีบุคคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะและได้ทำวิจัยอย่างเจาะลึกในทุกโครงการก่อนที่จะออกแบบ และดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงก่อนการขาย และให้ความสำคัญกับวัสดุที่มีคุณภาพทำให้อัตราการขายของแต่ละโครงการอยู่ในระดับสูงกว่า 80-90% ขึ้นไป ส่งผลให้ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผ่านมาบริษัทมีผลกำไรในทุกๆปี และมีกำไรขั้นต้นอยู่ในอัตราที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยสิ้นปี 2556 มีกำไรขั้นต้นที่ 36% แม้ว่าไตรมาส 1/2557 จะปรับลดลงเหลือ 29% แต่เป็นไปตามฤดูกาล ที่โครงการส่วนใหญ่ของบริษัทจะเปิดขายในช่วงปลายปี จึงมั่นใจว่าในปีนี้กำขั้นต้นจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
"หลังจากที่ได้เงินจากการระดมทุนเข้ามา เราจะนำไปใช้ขยายโครงการใหม่ทันที ซึ่งขณะนี้ได้ดูที่ดินไว้หลายแปลง หลังจากนี้จะเริ่มดำเนินการซื้อที่ดินและทำตามขั้นตอนทันที เพื่อให้ผลประกอบการเติบโตต่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 1 ใน 20 ของประเทศภายในระยะเวลา 10 ปี โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ประมาณ 706 ล้านบาทจะนำไปลงทุนในโครงการใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีการแบ่งไปชำระหนี้แต่อย่างใด”
โดยขณะนี้ RICHY มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยในปีนี้จะรับรู้ยอดโอนจากคอนโดมิเนียม 80-90% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการริชพาร์ค@เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 50% ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 1,205.92 ล้านบาท นอกจากนี้จะยังมีโครงการใหม่คือ เดอะริชวิลล์ ราชพฤกษ์ เป็นโครงการบ้านทรงอิสระ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ดังนั้นจากปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว และแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น RICHY จึงเชื่อมั่นว่าหุ้นน้องใหม่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไปแล้ว