กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--โฟร์ฮันเดรท
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 1,518.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.80 ล้านบาท หรือ 6.81 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมจำนวน 24,614.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,290.09 ล้านบาท หรือ 21.11 %
รายได้จากการขาย มีจำนวน 23,102.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,995.33 ล้านบาท หรือ 20.91 % จากการเติบโตของสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ที่เปิดระหว่างปี 2556 และ 2557
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน 6,060.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น1,025.95 ล้านบาท หรือ 20.38% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเท่ากับ 26.23 % ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 26.35 % ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่ขายของธุรกิจโฮมโปร และโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกาโฮมที่ต่ำกว่า
นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 583.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.64 ล้านบาท หรือ 21.11% จากรายได้ค่าเช่าพื้นที่ของร้านค้าเช่าในโฮมโปร และรายได้จากพื้นที่เช่าในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สำหรับรายได้อื่น มีจำนวน 929.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 193.12 ล้านบาท หรือ 26.24% จากรายได้ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย และรายได้การให้บริการแก่ลูกค้า
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร จำนวน 5,457.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,105.73 ล้านบาท หรือ 25.41% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน ค่าสาธารณูปโภค ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานของธุรกิจเมกาโฮม และการขยายสาขาที่ประเทศมาเลเซีย
นายคุณวุฒิ กล่าวเพิ่มเติม ปัจจุบันโฮมโปรมีสาขาทั้งสิ้น 66 แห่ง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้มีการขยายสาขาใหม่เพิ่ม 3 แห่ง ได้แก่ ลำปาง ประจวบคีรีขันธ์ และสุรินทร์ และยังได้ปรับโฉมโฮมโปรสาขาจังหวัดพิษณุโลก และสาขารังสิต ให้ทันสมัย สวยงาม และรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังได้ขยายสาขาของธุรกิจเมกา โฮม เพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ หนองคาย และ บ่อวิน
และสำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้วางแผนขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี รวมถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยจะมีการเปิดสาขาแรกที่ประเทศมาเลเซีย ในช่วงไตรมาสที่ 4 นาย คุณวุฒิกล่าวในที่สุด