กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--ทูเดย์ คอมมูนิเคชั่นส์
ภายหลังจากที่ Imperial World Ice Skating บริษัท อิมพีเรียล เวิลด์ พลาซ่า จำกัด โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อิมพีเรียล พลาซ่า จำกัด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ ประธานจัดการแข่งขันฯ ร่วมกับพล.อ.อนันต์ บำรุงพฤกษ์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีด สเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน SKATE ASIA 2005 มีนักกีฬา 450 คน จาก 10 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน คือ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) และสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่านักกีฬาจากประเทศไทย กวาดรางวัลจากการแข่งขันได้มากมาย
สำหรับตัวแทนประเทศไทยรุ่นเยาว์ซึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขัน "SKATE ASIA 2005" คือ เด็กหญิงธนสร จินดาสุข หรือน้องมีมี่ อายุ 10 ปัจจุบัน เรียนอยู่ที่โรงเรียนบางกอกพัฒนา ถือเป็นนักกีฬาดาวรุ่งของสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งจากการแข่งขัน SKATE THAILAND 2005 ที่ผ่านมา ก็สามารถคว้าเหรียญทองใน Group A1 มาได้ และการแข่งขัน "SKATE ASIA 2005" สามารถคว้ามาได้ถึง 7 รางวัล คือ 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง และจะเป็นตัวแทนไปแข่งขันระดับ NOVICE ในการแข่งขัน ASIAN CHAMPIONSHIP ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ในปลายปีนี้ น้องมีมี่บอกว่าเล่นสเก็ตมาแล้ว 5 ปี สาเหตุที่สนใจมาเล่นสเก็ตก็เพราะได้ไปดูการแสดงดีสนี่ออนไอส์ ส่วนโค๊ชคนแรกก็คือคุณพ่อคุณแม่ที่พาน้องมีมี่เดินบนลานน้ำแข็งทั้งๆ ที่ท่านทั้ง 2 เล่นสเก็ตน้ำแข็งไม่เป็นจนได้โค๊ชชาวต่างชาติมาฝึกสอน และเวทีแรกที่แข่งขันคือที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ได้รางวัลที่ 3
"การเล่นสเก็ตได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และได้เพื่อนต่างประเทศ ท่าทางการแสดงก็ไม่เหมือนกีฬาอื่น ต้องใช้สมาธิสูงและการใช้สมาธิทำให้การเรียนดีขึ้นอีกด้วย ตอนนี้มีมี่เตรียมตัวไปแข่งขันที่ฮ่องกงและไต้หวัน ต้องฝึกซ้อมทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 11.30 น. บางครั้งซ้อมช่วงบ่าย และช่วงดึก ท่าเด็ดของมีมี่ คงจะเป็นท่าที่ต้องยกขา แล้วหมุน ก็คิดว่าอยากไปถึงโอลิมปิกหรือเป็น นักสเก็ตระดับโลก"
น.ส.จันทร์จรัส สุริโยทัย หรือออน อายุ 22 บัณฑิตจาก คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนประเทศไทยที่เข้าแข่งขัน "SKATE ASIA 2005" ที่ Imperial World Ice Skating ในครั้งนี้ด้วย บอกว่านอกจากจะลงแข่งในรายการสำคัญๆ แล้ว น้องออนยังผันตัวเองเป็นโค๊ช หลังจากสั่งสมประสบการณ์มาประมาณ 10 ปี เริ่มแรกคือเล่นเป็นเพื่อนพี่ชาย ซึ่งปัจจุบันเป็นนักแสดงสเก็ตน้ำแข็งอยู่ที่ดีสนี่ออนไอส์ น้องออนบอกว่าการเล่นสเก็ตสอนอะไรหลาย ๆ อย่าง เป็นกีฬาที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ในตัวเอง ครอบครัวน้องออนสนับสนุนมาตลอด ตั้งแต่เริ่มแรกที่การเล่นสเก็ตในเมืองไทยไม่เป็นที่นิยม ไม่มีโค๊ชสอน พ่อแม่ของเด็ก ๆที่สนใจเล่นสเก็ตจึงหารือกันรวมเงินจ้างโค๊ชจากต่างประเทศมาสอน แม้แต่การเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เวทีแรกที่ลงแข่งคือ Hong Kong Open ปี 1997 ได้เหรียญทอง และเล่นสเก็ตเรื่อยมา จนเป็นตัวแทนทีมชาติไทยชุดแรกเข้าแข่งขัน Winter Asian Games 2003 ที่ญี่ปุ่นซึ่งน้องออน บอกว่าเป็นจุดสูงสุดที่คาดหวังไว้แล้ว และล่าสุดจากการแข่งขัน SKATE ASIA 2005 ครั้งนี้น้องออนได้รับ 2 เหรียญทอง
"ออนต้องเรียนไปด้วยซ้อมไปด้วย ตอนนี้ก็เลยคิดว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การแข่งขัน แต่ได้เล่นเสก็ตเพราะเรามีความสุข เมื่อก่อนเวลาไปแข่งเมืองนอก คนเค้าก็งงกันว่า ประเทศไทยมีลาน สเก็ตด้วยหรือ และภูมิใจที่เราเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน ออนตั้งความหวังว่าอยากเป็นโค๊ช อยากเป็นทีมชาติ ตอนนี้ก็พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่และถือว่าประสบความสำเร็จกับตัวเอง งานนี้ต้องอดทนและมีสมาธิ นักกีฬาสเก็ตที่ดีต้องแสดงสีหน้าอารมณ์ ไปกับเพลง และทำท่าทางให้ถูกต้อง ถ้าพลาดเราก็ต้องลุกขึ้นมายืนเล่นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "
นอกจากนี้น้องออน ยังฝากถึงนักกีฬารุ่นใหม่ ที่สนใจเล่นสเก็ตน้ำแข็งว่า กีฬานี้เหมาะกับการทุ่มเท ทนเจ็บ ทนเหนื่อย และคิดว่าในอนาคตคงจะมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาสนับสนุนมากยิ่งขึ้น และอยากเห็นนักกีฬาสเก็ตของไทย ไปแข่งขันโอลิมปิก หรือการเป็นแชมป์โลก
ส่วน ร่มกล้า โสภา หรือฟิล์ม อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแอสเวนตีส หนุ่มน้อยคนนี้เล่นสเก็ตมาได้ประมาณ 3 ปี ผ่านอุปสรรคมากมาย กว่าที่จะได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ จากการแข่งขันถึง 5 รายการ คือ จากการแข่งขัน Skate Thailand Open 2003 ได้รับ 1เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง การแข่งขัน Disney Onice Skate Asia 2004 ได้รับ4 เหรียญทอง 1เหรียญเงิน 1เหรียญทองแดง การแข่งขัน Skate Malaysia 2005 ได้รับ 4 เหรียญทอง 1เหรียญเงิน การแข่งขัน Skate Thailand 2005 ได้รับ 1 เหรียญทอง และการแข่งขัน Skate Asia 2005 ได้รับ 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน
ฟิล์มย้อนถึงที่มาของการเล่นสเก็ตว่าแม้ในช่วงแรกครอบครัวไม่สนับสนุนเพราะอยากให้เรียนจบก่อน แต่เมื่อค่อย ๆ ทำความเข้าใจครอบครัวก็หันมาเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้ฟิล์มโลดแล่นอบู่บนลานน้ำแข็งได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังต้องเจ็บตัว จากการซ้อม ค่าเรียนที่แพงมากประมาณ 3,000 บาทต่อชั่วโมง จึงทำให้ฟิล์มใช้วิธีฝึกฝนด้วยตนเอง ฟิล์มยังบอกด้วยว่า คนส่วนใหญ่มองว่าสเก็ตเป็นกีฬาที่แสดงความอ่อนหวานเหมาะสมกับผู้หญิง แต่ในมุมมองของฟิล์มนั้นการแสดงที่ออกมาไม่ได้อ่อนหวานอย่างเดียว เพราะมีความหนักแน่นอยู่ในตัวเองจึงเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
"ฟิล์มต้องทุ่มเทเวลาในการซ้อมหลังเลิกเรียนและทุกเสาร์-อาทิตย์ บางครั้งอยากจะเลิกเล่น แต่ก็จะใช้วิธีบอกตัวเองว่าพอเหนื่อยก็หยุดพักไว้ก่อน แล้วค่อยมานั่งคิดว่าตัวเราอยากจะเล่นสเก็ตแล้วเราจะหยุดหรือ หลังจากนั้นก็กลับมาฝึกซ้อมใหม่เพราะชอบจึงไม่อยากเลิกเล่น ในอนาคตก็ฝันอยากเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปแข่งขันโอลิมปิก หรือได้เห็นกีฬาฤดูหนาวที่จัดขึ้นในประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่เราคาดหวังเดินมาได้แค่ครึ่งทาง และอยากให้ไทยคนนิยมกีฬา สเก็ตมากขึ้น"
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท ทูเดย์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด
โทรศัพท์ : 09-446-9434 และ 01-902-5948
E-mail : todaytion@yahoo.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--