กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2557 มีรายได้รวม 152 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการจำนวน 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เผยครึ่งปีหลัง ยังเดินหน้าขยายพื้นที่เช่าเพิ่ม ระบุแผนปีนี้จะครอบคลุมธุรกิจที่ความหลากหลายและมี value-added เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น คลังสินค้าสำหรับรองรับธุรกิจ E-Commerce คลังสินค้าปรับอากาศ คลังสินค้าแช่แข็ง และ Office พร้อมกางแผนปักธงเตรียมรุกต่างประเทศและเตรียมพัฒนาพื้นที่โซนยุทธศาสตร์หัวเมืองใหญ่ ยังมั่นใจผลงานปีนี้ดันรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า – ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมี่ยม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ประจำงวดไตรมาส 2/2557 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 152 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากการเติบโตของพื้นที่ให้เช่า และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าเช่าตามอายุสัญญาในบางโครงการ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวของรายได้จากเงินปันผลและค่าบริหารจัดการสินทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของขนาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ WHAPF ในช่วงปีที่ผ่านมา
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่ม 14% ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จากการที่บริษัทฯ มีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มมากขึ้น เดิมไตรมาส 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.7 แสนตารางเมตร ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3.5 แสนตารางเมตร และคาดว่ายอดจองพื้นที่เช่าจะเพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส โดยปัจจุบันก็มีลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่แสดงความต้องการที่จะเช่าพื้นที่ของเราอย่างต่อเนื่อง”นายแพทย์สมยศ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังของปีนี้ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มอีก ซึ่งในครึ่งปีแรกนั้น บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับลูกค้าไปแล้วเกือบ 100,000 ตารางเมตร และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถปิดการขายกับลูกค้า Built-to-suit ขนาดใหญ่ได้อีกหลายราย จึงมั่นใจว่าภายในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น 300,000 ตารางเมตรเท่าเดิม
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะครอบคลุมลูกค้าที่มีความหลากหลาย โดยการสร้างคลังสินค้าหลายประเภท และให้บริการในหลากหลายรูปแบบมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ต่อตารางเมตร อาทิ ในช่วงที่ผ่านมามีการขยายธุรกิจในกลุ่ม E-Commerce สร้างคลังสินค้าในรูปแบบ E-Business Warehouse ให้กับบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) ,การสร้างคลังสินค้าแช่แข็งที่มีการควบคุมอุณหภูมิ และสร้าง Office ประเภท built-to-suit office รวมถึงการให้เช่า Racking system หรือ รถโฟล์คลิฟท์ เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น
ส่วนในด้านของทำเลนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายไปยังต่างประเทศ และพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มเติม ซึ่งการขยายไปต่างจังหวัดนั้น จะเลือกโซนที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ตามหัวเมืองแต่ละภาค เช่น จังหวัดขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และลำพูน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่า รายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท จากการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ประมาณไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งขณะนี้ บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และดำเนินการยื่น ไฟลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
” หากแผนการดำเนินงานแล้วเสร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังมีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถระดมทุนจากกอง REIT ได้กว่า 4,700 ล้านบาทเพื่อมาซื้อทรัพย์สินจากบริษัทฯ โดยจากมูลค่าระดมทุนดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ได้ประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 30% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะทยอยรับรู้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มเติมจากโครงการอาคารสำนักงาน SJ Infinite I ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป” นายแพทย์สมยศกล่าว