กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--บางจากปิโตรเลียม
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อยในครึ่งปีแรก 2557 ว่า มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 90,433 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 4,989ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,820 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.05 บาท คาดว่าทั้งปีจะมี EBITDA 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย
ด้านธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันบางจากในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีการกลั่นเฉลี่ย 48,450 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปีเป็นเวลา 46 วัน มีค่าการกลั่นรวม 1,094 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 7.61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน รวม Inventory Hedging 309 ล้านบาท รวมทั้งมีรายได้เงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย จำนวน 521 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจด้านการตลาด มียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกชนิดรวม 1,210 ล้านลิตร ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการจำหน่ายผ่านตลาดอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 18 ในขณะที่ตลาดค้าปลีกน้ำมันยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการเฉลี่ยตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2557 เป็นอันดับ 2 โดยเฉพาะน้ำมันบางจากแก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19 เนื่องจากได้ขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นครอบคลุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และน้ำมันบางจากไฮดีเซล เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัท มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ บางจากไฮดีเซล น้ำมันดีเซลคุณภาพสูงในราคาเดิม ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถเป็นอย่างดี รวมทั้งได้ขยายฐานลูกค้าผ่านบัตรบางจากฯ แก๊สโซฮอล์คลับ และดีเซลคลับเพิ่มขึ้น
ที่สำคัญมีการปรับปรุงภาพลักษณ์สถานีบริการให้มีความสวยงาม ทันสมัย สะดวกสบาย และมีบริการธุรกิจเสริมที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ในส่วนของร้านกาแฟอินทนิลบางจาก ได้เพิ่มเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยและกลุ่มครอบครัว
นายวิเชียร กล่าวว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อยรับรู้รายได้ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีการติดตั้งและจำหน่ายไฟครบทั้ง 3 เฟส กำลังการผลิตรวม 118 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงิน 712 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะมี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 2,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัท บางจากฯ ยังได้ขยายธุรกิจต้นน้ำ โดยจัดตั้งบริษัทย่อย BCP Energy International Pte. Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านพลังงาน ปิโตรเคมี และทรัพยากรธรรมชาติในต่างประเทศ และได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท Nido Petroleum Limited ซึ่งปัจจุบันได้รับสัมปทานขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นจำนวน 402,951,875 หุ้น หรือร้อยละ 19.66 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เป็นมูลค่า 22.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 670 ล้านบาท จากบริษัท
Petroleum International Investment Corporation และได้เสนอขอซื้อหุ้นของ NIDO จากผู้ถือหุ้นที่เหลือทั้งหมดในราคาเดียวกัน ในวงเงินรวมไม่เกิน 98.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 2,950 ล้านบาท เมื่อรวมกับครั้งก่อนคิดเป็นวงเงินทั้งสิ้น 120.4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 3,620 ล้านบาท
รวมทั้งขยายธุรกิจผลิตเอทานอล โดยซื้อหุ้นโรงงานผลิตเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบจากบริษัท สีมาอินเตอร์โปรดักส์ จำกัด มีกำลังการผลิต 150,000 ลิตรต่อวัน ในสัดส่วนร้อยละ 85 ในวงเงิน 765 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท บีซีพี ไบโอเอทานอล จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นหลังจากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และจะเริ่มเดินเครื่องผลิตเอทานอลและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2557 นี้ คาดว่าจะทำให้บางจากฯ มี EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 160 ล้านบาท
นายวิเชียร กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ว่า มีทิศทางปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 100 – 105 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดคลายความกังวลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และกรณีความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2 โดยประเทศลิเบียจะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อีกทั้งแนวโน้มการผลิตน้ำมันของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของโลก แม้จะมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูหนาว ประกอบกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจของประเทศประชาคมยุโรปยังคงซบเซา และเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ขยายตัวในระดับปานกลาง จึงทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า บริษัท บางจากฯ พร้อมที่จะรับซื้อข้าวเสื่อมคุณภาพในสต๊อกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลเพื่อผลิตเอทานอล ช่วยบรรเทาภาระของรัฐบาลในการบริหารจัดการข้าวเสื่อมคุณภาพ ทั้งนี้ หากจะขยายปริมาณการใช้เอทานอลให้มากขึ้น รัฐบาลควรพิจารณายกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 เนื่องจากการผลิตเอทานอลจากข้าวจะทำให้ปริมาณการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบลดลง จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังได้ ซึ่งขณะนี้ มียอดการใช้เอทานอลประมาณ 2.7 ล้านลิตรต่อวัน หากยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 จะทำให้ผู้ใช้รถเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์แทน ซึ่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซต์ รถยนต์รุ่นต่างๆ รวมทั้ง Supper Car ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้
อนึ่ง บริษัท บางจากฯ ยังคงยึดมั่นวัฒนธรรมในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามความมุ่งหมายในการร่วมพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทยตลอดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ