กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--เอเอสวี อินเตอร์ กรุ๊ป
“กรมป่าไม้”ลุยเขตศก.ภาคใต้ “ภูเก็ต กระบี่ พังงา”ทวงคืนผืนป่าบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่ท่องเที่ยว
จากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่หลายฝ่ายกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ทั้งในส่วนของการป้องปรามและการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น “จังหวัดภูเก็ต” และจังหวัดใกล้เคียง (กระบี่ พังงา)นับเป็นอีกพื้นที่ ที่มีการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อยู่ในขั้นที่รุนแรงมาก และเป็นทรัพยากรพื้นที่ป่าไม้อันมีค่า เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก
ป่าไม้ในจังหวัดภูเก็ต ที่นอกเหนือจากจะมีความสำคัญในฐานะทรัพยากรของชาติแล้วยังมีความสำคัญในฐานะ “แหล่งสร้างสมดุลทางธรรมชาติ และระบบนิเวศวิทยา” ที่ปัจจุบันเหลือน้อยเต็มทีในจังหวัดภูเก็ต ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว การบุกรุกเข้าใช้พื้นที่ป่า และแปรสภาพกลายเป็น “รีสอร์ท” หรือ “บ้านพัก” จึงกลายเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนาน
ด้วยนโยบายการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน โดยกรมป่าไม้ ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการดำเนินการกับผู้กระทำผิด รวมถึงการคืน และฟื้นฟูสภาพป่า อันมีความสำคัญต่อระบบนิเวศให้กลับคืนมาเป็นของชาวภูเก็ตทุกคน กรมป่าไม้จึงได้ลงพื้นที่สำรวจ และดำเนินการกับผู้บุกรุกอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันตรวจพบผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และได้มีการดำเนินการไปแล้ว
โดยมีการจัดตั้ง “หน่วยพยัคฆ์ไพร” เป็นกำลังหลักในการเข้าตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อดำเนินการกับการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดภูเก็ต
ล่าสุดนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ และนายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยพยัคฆ์ไพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (สาขากระบี่) โดยมี นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กอ.รมน.จ.ภูเก็ต ปปง. กองทัพเรือภาคที่ 3 ป้องกันจังหวัดภูเก็ต ที่ดินอำเภอถลาง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับปัญหาการบุกรุกพื้นที่ปาสงวนแห่งชาติ ในท้องที่จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ ได้มอบแนวทางปฎิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานด้านการป้องกันรักษาป่า ในจังหวัดภูเก็ต พังงาและกระบี่ โดยจะเน้นการพัฒนาหน่วยป้องกันรักษาป่า ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตลอดจนดูแลคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ให้มีสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและจะฝึกอบรมสมรรถนะของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าให้พร้อมในการปฎิบัติงานโดยมีการประเมินผลงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอย่างเข้มข้นทุก 3 ปี
นอกจากนี้จะเพิ่มฐานปฎิบัติการป้องกันรักษาป่าในพื้นที่เสี่ยงการบุกรุกพื้นที่ป่า เพิ่มจำนวนพนักงานราชการตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่าประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าทั่วประเทศ\และจะเน้นย้ำให้ทั้งหมดปฎิบัติงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่ช่วยเหลือผู้กระทำผิด” นายธีรภัทร กล่าว
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการวางกรอบการทำงาน และการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าแล้ว กรมป่าไม้ยังเน้นในส่วนของการมีส่วนร่วม ที่จะให้ประชาชนในพื้นที่ เข้ามีมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการพื้นที่ป่า โดยมีการขอคืนพื้นที่ป่า และนำมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ส่วนรวมเช่น การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านป่าไม้ และสวนพฤกษศาสตร์พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนรอบผืนป่าร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินป้องปราม และแก้ไขปัญหา ทางกรมป่าไม้ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานของกรมป่าไม้ปฏิบัติอย่างเข้มข้ม และประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ในด้านการ เร่งรัดการดำเนินคดีที่ผ่านมาให้เรียบร้อยอย่างโปร่งใสและยุติธรรม รวมถึงการป้องกันปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ ที่จะสร้างให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต โดยให้มีสำรวจข้อมูลและจัดกลุ่มปัญหาที่ดินป่าไม้ในแต่ละท้องที่ ให้เป็นปัจจุบัน
ตลอดจนการพิจารณาแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ตามกลุ่มปัญหาและเฉพาะกรณี ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และสุดท้าย คือการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยเพื่อให้เอื้อต่อการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ให้มีความสะดวกรวดเร็ว และถูกต้องโปร่งใส่ยุติธรรมมากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือทิศทางการบริหารจัดการปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง เพื่อให้ป่าไม้ทุกผืน ได้คืนมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศในพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้ และกลับมาเป็นของประเทศชาติ และประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง