กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ "ซีพีเอฟ" รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 2557 กำไรสุทธิ 5,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110% เทียบกับช่วงเดียวของปีที่ผ่านมา เนื่องจากกิจการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศฟื้นตัว พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น
ซีพีเอฟ มีรายได้จากการขายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 จำนวน 203,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เติบโตตามเป้าหมาย โดยยอดขายของกิจการประเทศไทยเติบโตร้อยละ 8 และยอดขายของกิจการต่างประเทศเติบโตร้อยละ 16 การเติบโตของยอดขายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจสัตว์บกโดยเฉพาะในประเทศไทยและประเทศเวียดนามที่ประสบภาวะผลผลิตล้นตลาดในปีที่ผ่านมา และการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจสัตว์น้ำในต่างประเทศ
สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทสำหรับรอบระยะเวลา 6 เดือนของปี 2557 มีจำนวน 5,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 110 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 14 ในปี 2557 และคณะกรรมการบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีจำนวน 0.30 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม (XD วันที่ 26 สิงหาคม) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายน
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2557 ธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมาย โดยธุรกิจสัตว์บกเป็นธุรกิจหลักที่มีการฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติต่อเนื่องมาจากปลายปีที่ผ่านมา แม้ธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยจะยังคงชะลอตัวอยู่ แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเริ่มมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นของการเลี้ยงกุ้ง ประกอบกับบริษัทเห็นว่าธุรกิจสัตว์น้ำในต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นจะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
“แนวโน้มธุรกิจครึ่งหลังยังสดใส เพราะมีข่าวดีการส่งออกไก่ไปจีนและรัสเซียดีขึ้นสนับสนุนธุรกิจ และบริษัทฯเตรียมนำเงินขายหุ้น CPP ลดหนี้” นายอดิเรก กล่าว
นายอดิเรก กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้ทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากแนวโน้มที่ดีขึ้นของธุรกิจสัตว์น้ำ การส่งออกไก่ของบริษัทที่ได้รับการสั่งซื้อเพิ่มจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีกรณีความเสียหายของเนื้อไก่จากประเทศจีน และกรณีของประเทศรัสเซียประกาศระงับการซื้อสินค้าเนื้อสัตว์จากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้รัสเซียอาจจะต้องหันมานำเข้าจากผู้ผลิตในแถบเอเซียเพิ่มขึ้น ทั้งยังน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจสุกรของบริษัทในประเทศรัสเซียด้วย
นอกเหนือจากผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น บริษัทได้ประกาศขายเงินลงทุนจำนวน 25% ใน CPP ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อนำเงินที่ได้ส่วนใหญ่มาลดหนี้ของบริษัท ซึ่งเป็นไปตามแผนงานการทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น ปีนี้จึงน่าจะเป็นปีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้./