กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--IR PLUS
JMART เผย ผลงานครึ่งปีแรกของปี 2557 เติบโตขึ้น มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 175.93 ลบ. จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 173.06 ลบ. พร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.23 บ. เอาใจผู้ถือหุ้น “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” แม่ทัพใหญ่ ประเมิน ครึ่งปีหลังภาพรวมตลาดมือถือกลับมาคึกคัก จากปัญหาการเมืองคลี่คลาย กลยุทธ์ เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง พร้อมควบคุมค่าใช้จ่าย และเดินหน้าขยายสาขาปีนี้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เป็น 262 สาขา จากปัจจุบันมี 259 สาขา ส่วนธุรกิจในเมียนมาร์ เปิดสาขาไปแล้ว 16 สาขา ตั้งเป้าหมายทั้งปีจะเปิดให้ได้ 26 สาขา ด้านธุรกิจบริษัทย่อย JMT และ เจเอเอส แอสเซ็ท เติบโตดี หนุนภาพรวมธุรกิจ เจมาร์ท กรุ๊ป ทั้งปีให้เติบโตแข็งแกร่ง
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ดำเนินธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจติดตามหนี้สินและซื้อหนี้ ในนามบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า ในนาม บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย งวดครึ่งปีแรกของปี 2557 (สิ้นสุด มิถุนายน 2557) มีรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 4,397.34 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,699.32 ล้านบาท ลดลง 6.42% กำไรสุทธิอยู่ที่ 175.93 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 173.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.87 ล้านบาท หรือ 1.65% ส่วนผลประกอบการงวดประจำ ไตรมาส 2/2557 มี รายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 2,130.94 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,392.48 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 90.87 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 95.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.23 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 20 สิงหาคม 2557 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล 25 สิงหาคม 2557 และวันที่จ่ายปันผล 5 กันยายนนี้ โดยจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557
“ผลงานครึ่งปีแรกที่ออกมา JMART มีกำไรโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ที่ไม่คึกคักเท่าที่ควร จากผลกระทบทางการเมืองในประเทศส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว แต่เชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน มองว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนความเชื่อมั่นของบริโภคมากขึ้น อีกทั้ง การเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่ๆ จะเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นตลาดไอทีให้คึกคัก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะมีการ Road map สินค้าใหม่ในหลากหลายรุ่น จึงมั่นใจจะสนับสนุนยอดขายบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ โดยปรับเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้เติบโตราว 15% จากปีก่อน ซึ่งลดลงจากเดิมที่วางไว้ เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมกันนี้ บอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด 0.23 บ./หุ้น เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนJMART เสมอมา” นายอดิศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปี่หลังบริษัทฯ เน้นการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นจากร้านเจมาร์ทสาขาเดิม ทั้งส่วนลด โปรโมชั่นทางการตลาดที่ออกมาสนับสนุน นอกจากนี้ วางแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 259 สาขา วางเป้าหมายทั้งปี 2557 จะเปิดร้านเจมาร์ทเพิ่มเป็น 262 สาขา โดยให้ความสำคัญในสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ ลงทุนเปิดร้านเจมาร์ทไปแล้ว 16 สาขา และตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะเปิดให้ได้ 26 สาขาในปีแรก พร้อมทั้ง เป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์สื่อสารที่ประเทศเมียนมาร์ภายในระยะเวลาอีก 5 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปิด AEC ต่อไป
“การเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือในเมียนมาร์ยังเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจ โดยในปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นปีของการ Set up ระบบ ได้มีการประมูลผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในเมียนมาร์แล้ว 4 ราย ซิมการ์ดจะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในขณะที่ราคาจะถูกลง ส่งผลให้ความต้องการใช้มือถือสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน จึงมองว่า ยอดขายและความชัดเจนธุรกิจในเมียนมาร์ของบริษัทฯ จะเข้ามามากขึ้นภายในปีนี้ และสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ในปีหน้า” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวต่อถึงบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บมจ. เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้มีการตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว สนับสนุนให้ผลงานไตรมาส 2/2557 ออกมาเติบโตขึ้นตามที่วางไว้ ประกอบกับ JMT ได้เข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่องเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต
สำหรับ บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเรียบร้อยแล้ว และผลงานที่ผ่านมา ได้เดินตามแผนการขยายสาขาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าได้ตามที่วางไว้ พร้อมคาดผลงานในปีนี้จะขยายสาขาเป็น 54 สาขา จากต้นปีมี 45 สาขา ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนภายใต้ชื่อโครงการ “The JAS” สาขาแรกที่วังหินเตรียมเปิดให้บริการและจะเริ่มรับรู้รายได้เดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วน สาขาลาดปลาเค้า สาขาที่ 2 เตรียมเปิดให้บริการช่วงปีหน้า อีกทั้ง อยู่ระหว่างเดินตามแผนการขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้ามาทำการซื้อขายได้ภายในกลางปี 2558 เชื่อว่า จากความแข็งแกร่งของบริษัทย่อยจะสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจเจมาร์ท กรุ๊ป แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต