กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--IR PLUS
สำนักงาน ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง บมจ. แอลดีซี เด็นทัล หรือ LDC ศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai “สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอสเซทโปรฯ เผยพร้อมเข้าสู่กระบวนการ การกระจายหุ้นและเข้าซื้อขายประมาณไตรมาส 3/2557 ด้าน “วิชา โตมานะ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มั่นใจจำนวนหุ้นที่เสนอขาย 120 ล้านหุ้นจะได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ “ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์” เอ็มดี LDC หวังนำเงินระดมทุนไปขยายธุรกิจ เพิ่มสาขาทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และขยายสาขาไปหัวเมืองต่างจังหวัด รวมถึงปรับปรุงเทคโนโลยีการรักษาให้ ทันสมัย เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจการให้บริการทางทันตกรรม
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นของ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นั้น ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว
บมจ. แอลดีซี เด็นทัล ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 120 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนรวม 100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนรอชำระอีก 30 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการเสนอขายหุ้น IPO ได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ตามแผนที่วางไว้
“ตอนนี้สำนักงานก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง LDC เรียบร้อย เดินหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ประมาณ [ต้นเดือนกันยายน 2557] น่าจะเทรดได้ ซึ่ง LDC เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เชื่อว่าคลีนิกทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC จะเป็น อีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม โดยที่ผ่านมาได้เดินทางไปโรดโชว์ทั้งสิ้น 10 จังหวัด ในหัวเมืองต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ารับฟังข้อมูลอย่างล้นหลาม” นายสมภพ กล่าว
ด้านทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC กล่าวถึง การตัดสินใจที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อนำเงินที่ได้จาการระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาคลินิกทันตกรรมขนาดใหญ่เพิ่มเติม คาดว่าใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาทต่อสาขา เพื่อให้มีสาขาครอบคลุมพื้นที่บริการทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในต่างจังหวัด
“ที่ผ่านมา LDC มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดยใช้เงินลงทุนจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการระดมทุนจะช่วยให้บริษัทฯ มีการเติบโตรวดเร็วขึ้น จึงเลือกเข้ามาระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยใช้จุดแข็งของบริษัทฯ คือ เรามีระบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา การขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทฯ เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) สนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตแข็งแกร่งอย่างมากในอนาคต นอกจากนี้ LDC เป็นธุรกิจคลินิกทันตกรรมแห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้ผู้บริหาร ทันตแพทย์ ผู้ช่วยทันตแพทย์ และพนักงานเกิดความภาคภูมิใจและตระหนักถึงการให้บริการที่ดี มีมาตรฐาน ยึดหลักบรรษัทภิบาล รับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น” ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่าภายหลังสำนักงานก.ล.ต.นับ 1 ไฟลิ่ง คาดว่าจะสามารถแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในเร็วๆ นี้ โดยมั่นใจว่า LDC จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ ทันตกรรมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น และด้วยมาตรฐาน ความสะอาดปลอดภัย จากการรักษาภายในห้องปลอดเชื้อ ซึ่งผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับบนที่มีกำลังซื้อให้ความสำคัญในการเลือกรับบริการคลีนิกด้านทันตกรรม
“ในฐานะ Lead Underwriter คาดว่ากระบวนการจัดจำหน่ายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ยังเป็นไปตามกรอบเวลาเดิมคือช่วง ปลายไตรมาส 3/2557 ทั้งนี้มั่นใจว่าการจำหน่ายหุ้นจำนวน 120 ล้านหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและจำหน่ายหมดทั้งจำนวน ซึ่งจะบุกเบิกในธุรกิจคลินิกทันตกรรมแห่งแรก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ” นายวิชา กล่าว
สำหรับผลประกอบการของ LDC ตั้งแต่ปี 2554-2556 มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 รายได้รวม 259.309 ล้านบาท ปี 2555 รายได้รวม 315.54 ล้านบาท และปี 2556 รายได้รวม 350.47 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากรายได้การรักษาทางการแพทย์ ที่มีสัดส่วนรายได้หลักร้อยละ 95 สาเหตุหลักมาจากอัตราการใช้บริการด้านทันตกรรมเพิ่มขึ้น และการปรับราคาค่ารักษาบางรายการรวมทั้งการขยายสาขา สำหรับกำไรสุทธิใน 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2554 อยู่ที่ 1.73 ล้านบาท ปี 2555 อยู่ที่ 11.25 ล้านบาท และปี 2556 อยู่ที่ 13.21 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนขายและต้นทุนการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น