กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
- คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการลงทุน 7 โครงการ
- เดินหน้าเจรจาการร่วมทุน 3 โครงการในประเทศ ญี่ปุ่น 2 โครงการ กัมพูชา 1 โครงการ และประมูลโครงการในพม่า 1 โครงการ
- คาดสำเร็จรับรู้กำลังผลิตเพิ่มอีก 185 เมกะวัตต์ และขยายเข้าสู่ธุรกิจสายส่งได้สำเร็จ
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)แถลงแผนการลงทุนในครึ่งหลังปี 2557 และผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในวันนี้ว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหลัก พลังงานทดแทน และธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 7 โครงการ โดยโครงการในประเทศ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น 1 โครงการและโครงการผลิตไฟฟ้าขยะชุมชน จำนวน 2 โครงการ ส่วนโครงการในต่างประเทศ ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในพม่า 1 โครงการ และโครงการพัฒนาสายส่งแรงดัน 230 กิโลโวลต์ในกัมพูชา ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้เข้าร่วมการลงทุนแล้วทั้ง 7 โครงการ และคาดว่าการเจรจารายละเอียดเพื่อร่วมทุนจะได้ข้อสรุปประมาณปลายปีนี้
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจาก 3 โครงการที่ลงทุนแล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้ ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดเมื่อต้นปีนี้ และโรงไฟฟ้าราชบุรีเวอล์ดโคเจนเนอเรชั่นหน่วยที่ 1 และโรงไฟฟ้าสงขลาไบโอแมส ขณะเดียวกัน ผลจากการดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนอีก 7 โครงการ ซึ่งหากสำเร็จจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเติบโตทั้งในแง่ของกำลังการผลิตและรายได้ ยืนหยัดความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของประเทศได้อย่างมั่นคง และฐานธุรกิจขยายสู่ประเทศใหม่ทั้งญี่ปุ่น กัมพูชา และพม่า โครงการดังกล่าวเป็นความพยายามของบริษัทฯ ที่จะผลักดันมูลค่าองค์กรให้เติบโตไปสู่เป้าหมาย 282,000 ล้านบาทภายในปี 2566 หรือเทียบเท่ากำลังการผลิตประมาณ 9,700 เมกะวัตต์ ซึ่งนอกจากการลงทุนเพิ่มในโครงการผลิตไฟฟ้าต่างๆ แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งรวมถึงสายส่งไฟฟ้าแรงดันสูง ด้วย ดังนั้น หากการร่วมทุนพัฒนาโครงการสายส่งขนาดแรงดัน 230 กิโลโวลต์ในกัมพูชาบรรลุผลสำเร็จ บริษัทฯจะเป็นบริษัทธุรกิจพลังงานรายแรกๆ ที่มีการลงทุนในประเทศกัมพูชา และส่งผลให้บริษัทฯ เริ่มมีการขยายธุรกิจสู่บริษัทพลังงานชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตามเป้าหมาย
“การเจรจาร่วมทุนโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กประเภทโคเจนเนอเรชั่น กำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ในจังหวัดราชบุรีใกล้จะบรรลุผลสำเร็จด้วยดี เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ 2 แห่งที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งตอบสนองนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนและการจัดการขยะด้วยการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงให้กับระบบ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯ จะบรรลุข้อตกลงร่วมทุนพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังผลิตรวม 39.8 เมกะวัตต์ ซึ่งหากสำเร็จจะปูทางไปสู่ความร่วมมืออีกหลายโครงการในญี่ปุ่น ส่วนพม่าเป็นเป้าหมายการลงทุนสำคัญ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอสุดท้ายเพื่อประมูลพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ขนาดกำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งผลการพิจารณาจะประกาศในเดือนตุลาคม ศกนี้ ” นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2557 บริษัทฯ มีกำไร จำนวน 4,213.19 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท ส่วนรายได้รวม มีจำนวน 27,016.25 ล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้จากการขายและบริการจำนวน 21,589.60 ล้านบาท รายได้ส่วนแบ่งกำไรกิจการที่ควบคุมร่วมกัน 690.62 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับ และเงินปันผลรับ 120.22 ล้านบาท และ 145.66 ล้านบาท ตามลำดับ
ฐานะการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 98,000 ล้านบาท และมีกำไรสะสมจำนวน 45,584 ล้านบาท สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ จัดอันดับโดยมูดีส์อยู่ที่ระดับ Baa1 เอสแอนด์พี อยู่ที่ระดับ BBB+ และทริส ที่ระดับ AA+ อันสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี