กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--IR PLUS
JMT โชว์ผลงาน Q2/57 สวย กำไรโตกว่า 34% ส่วนรายได้โตเกือบ 31% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากแรงขยันของ “ปิยะ พงษ์อัชฌา” บอสใหญ่ JMT พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและทีมงาน ที่ซื้อหนี้เข้าพอร์ตมาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ผลจากการที่บริษัทฯ ตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกเสร็จสิ้นได้ตามสัญญา และเปลี่ยนมารับรู้รายได้เต็มจำนวนทั้ง 100% ตั้งแต่ Q2/57 เป็นต้นไป เชื่อครึ่งปีหลังผลงานยังดีต่อเนื่อง พร้อม ปรับเป้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มในปีนี้เป็น 2 หมื่นลบ. จากเดิมที่ 1.3 หมื่นลบ. มั่นใจ ผลงานทั้งปีไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่หมดเท่านี้ หลังครึ่งปีแรกผลงานดี บอร์ดมีมติปันผลระหว่างกาล 0.11 บ./หุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่สนับสนุน JMT เป็นอย่างดี โดยกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 5 ก.ย. นี้
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบ ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาส 2/2557 ( สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2557) งบการเงินรวมมีผลกำไรสำหรับงวด 26.80 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19.98 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 6.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.16 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 114.47 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 87.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.76 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.51
ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 91.33 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 63.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.31 นอกจากนี้ รายได้จากการติดตามหนี้สิ้น อยู่ที่ 21.46 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 21.40 ล้านบาท รายได้ดอกผลตามสัญญาเช่าซื้อลดลงจาก 2.58 ล้านบาท เป็น 1.69 ล้านบาท หรือลดลง 0.89 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.54 จากการหยุดให้สินเชื่อ
ส่วนผลงานครึ่งปีแรกบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.41 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 47.45 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากไตรมาส 1/2557 บริษัทฯ ยังอยู่ในช่วงเร่งตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกให้หมด เพื่อรับรู้เป็นรายได้เต็มจำนวนในไตรมาส 2/2557 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม จากผลงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุน JMT เสมอมา คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดมูลค่า 0.11 บาทต่อหุ้น จ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 20 สิงหาคม 2557และวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 25 สิงหาคมนี้ พร้อมกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 5 กันยายน 2557
“ผลประกอบการไตรมาส 2/2557 เติบโตเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกำไรเติบโตร้อยละ 34.16 ส่วนรายได้เติบโตร้อยละ 30.51 เนื่องจากบริษัทฯ ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ผลจากการที่บริษัทฯ ตัดต้นทุนหนี้ก้อนใหญ่ก้อนแรกเสร็จสิ้นในไตรมาส 1/2557 และรับรู้รายได้ในหนี้ก้อนดังกล่าวเต็มจำนวนทั้ง 100% ตั้งแต่ไตรมาส 2/2557 เป็นต้นไป เป็นปัจจัยสนับสนุนผลงานไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอย่างน่าพอใจ”นายปิยะกล่าว
นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ที่ 13,000 ล้านบาท หรือสนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ในปีนี้ให้อยู่ที่ระดับ 50,000 ล้านบาท จากปี 2556 มีพอร์ตบริหารหนี้อยู่แล้วที่ 30,000 ล้านบาท เนื่องจาก ภาพรวมผลงานครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ของบริษัทฯ ให้อยู่ที่ราว 38,000 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจ แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีก หลังจากเริ่มเห็นทิศทางความต้องการขายหนี้ออกมาค่อนข้างมาก และด้วยรูปแบบของธุรกิจ ช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่สถาบันการเงินต่างๆ ทยอยขายหนี้ออกมามากกว่าครึ่งปีแรก สนับสนุนเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารของ JMT ให้เป็นไปตามที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม โอกาสทางธุรกิจของ JMT มีอีกมาก ทั้งตลาด Retail ที่ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในหนึ่งปีจะมีอัตราการเติบโตจากการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการลงทุนของต่างชาติ และการแข่งขันของ Bank และ Non-bank ส่งผลให้ NPL ในระบบสูงขึ้น สนับสนุนให้เกิดการปล่อยหนี้ออกมาเพิ่มขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้บริษัทย่อยทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์เจ จำกัด หรือ JAM ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ซึ่งยังมีหนี้ในตลาดนี้อีกมาก ซึ่ง JMT จะเข้าไปรุกตลาดหนี้ประเภทนี้มากขึ้นโดยเน้นหนี้ระดับต่ำกว่าสิบล้านบาท ส่วนบริษัท เจ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด หรือ JIB ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ทั้งประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นการขยายธุรกิจ และการลงทุนต่ำมาก เนื่องจากใช้บุคลากรเดิม ระบบเดิม ซึ่งบริษัทฯ จำหน่ายผ่านช่องทางโทรศัพท์ และออนไลน์ เหมือนรายใหญ่ในตลาดที่อยู่ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ JMT จะขายผ่านโมเดิร์นเทรด รวมทั้งเปิดบูธบริการลูกค้า และใช้ช่องทางขายผ่านร้านเจมาร์ทเพิ่มเติมอีกด้วย จึงเชื่อว่า ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะสนับสนุน JMT ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตมากยิ่งขึ้นอีก