กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--บริดจสโตนเซลส์
บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดยางรถยนต์ โดยล่าสุด ได้เพิ่มขนาดยาง “ECOPIA EP150” ยางสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการของตลาดผู้บริโภคทั่วไป หลังจากประสบความสำเร็จได้รับความไว้วางใจจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ เลือกให้เป็นยางมาตรฐานประกอบรถยนต์ ด้วยความโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ปลอดภัยยิ่งกว่า อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ ประหยัดน้ำมันมากกว่า ตอบโจทย์ความคุ้มค่าด้านการใช้งานและการดูแลสิ่งแวดล้อม
มร. โทมิโอะ ฟุกุสุมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กระแสตอบรับหลังจากแนะนำผลิตภัณฑ์ยาง ECOPIA ในปีที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภค และเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำยางรถยนต์ ECOPIA EP150 ซึ่งเดิมได้รับความไว้วางใจเลือกให้เป็นยางประกอบรถยนต์จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ อาทิ โตโยต้า, มิตซูบิชิ,นิสสัน และซูซูกิ โดยเพิ่มขนาดยาง ECOPIA EP150 สู่ผู้บริโภคในตลาดทดแทน พร้อมมั่นใจว่า สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ยางรถยนต์ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ยางกลุ่ม ECOPIA ทั้ง ECOPIA EP200 และ ECOPAI EP850 ที่ได้แนะนำไปก่อนหน้านี้
ECOPIA EP150 เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ออกแบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยลดความต้านทานการหมุนของยาง และ ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัย และ อายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาและผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดจากบริดจสโตนได้อย่างลงตัว ตอบสนองความต้องการที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น ทั้งด้านการใช้งานและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ผลการทดสอบจากสมาคมเทคโนโลยีแห่งประเทศญี่ปุ่นพบว่า :
ผลิตภัณฑ์ยาง ECOPIA EP150 ประหยัดน้ำมัน มากกว่า 2.5%*
และมี อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์ต่ำกว่า 7.1 %*
สำหรับยางเพื่อสิ่งแวดล้อม ECOPIA EP150 มีให้เลือก 14 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 13 -16 นิ้ว โดยจำหน่ายที่ศูนย์บริการ ค็อกพิท, ออโต้บอย, แอค และผู้แทนจำหน่ายยางบริดจสโตนทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ติดต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0-2636-1555 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) หรือ 1800-259-537 (ต่างจังหวัดโทรฟรี)
*เปรียบเทียบกับยาง B250 ขนาด 195/65R15 รถยนต์ที่ใช้ในการทดสอบ TOYOTA Premio.
ที่มา : สมาคมเทคโนโลยีการขนส่งทางรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ Japan Automobile transport Technology Association [JATA]