กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--IR network
บมจ.สหโมเสค อุตสาหกรรม (UMI) โชว์ฟอร์มแกร่ง! ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 กำไรพุ่ง 11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน หลังบุ๊คกำไรขายที่ดินกว่า 100 ล้านบาท “ปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์”มองแนวโน้มอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังฟื้น หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ความเชื่อมั่นการบริโภค-ลงทุนภาคเอกชนฟื้น รัฐเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ คาดยอดขายทะลุ 4,000 ล้านบาท เตรียมขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางดีลเลอร์-ลูกค้าโครงการมากขึ้น
นางสาวปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จํากัด (มหาชน) (UMI) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังจากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภค การลงทุนของภาคเอกชนฟื้นตัว ขณะเดียวกันการที่ภาครัฐประกาศเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคัก
“แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เราเตรียมแผนการดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายในปีนี้ให้ได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะให้ความสำคัญกับการขายผ่านดีลเลอร์ และจะมีการปรับรูปแบบการขายผ่านช่องทางของโครงการมากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางที่สำคัญที่จะทำให้ยอดขายของบริษัทขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”นางสาวปวีณากล่าว
นางสาวปวีณา กล่าวว่า ปัญหาการเมืองในช่วงที่ผ่านมากระทบผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัท ทำให้ยอดขายปรับตัวลดลง สอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามควบคุมต้นทุนการบริหารงานและการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น และมั่นใจว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจ
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2557 สําหรับงบเฉพาะกิจการ บริษัทมีรายได้รวม 802 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14 ล้านบาท หรือ 2% เป็นผลมาจากมีกำไรจากการขายที่ดินเปล่าจำนวน 100 ล้านบาท รายได้จากการขายลดลง 31 ล้าน หรือ 4% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2557 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 944 ล้านบาท ลดลง 168 ล้านบาทหรือ 15% ค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง 30 ล้านบาท หรือ 19% กำไรสุทธิ 42.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.58 ล้านบาท หรือ 32.78% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2556