กรุงเทพ--30 ม.ค.--บง.ธนชาติ
บริษัทเงินทุน ธนชาติ จำกัด (มหาชน) ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นและนักลงทุนในการเพิ่มทุนของบริษัทฯ เกินคาด โดยมีผู้ต้องการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ เป็นจำนวน 353 ล้านหุ้น เมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นที่ได้นำมาเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมเพียง 254.2 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวนที่เกินทั้งสิ้น 99 ล้านหุ้นหรือร้อยละ 40 ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมแสดงความจำนงซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งสิ้น 154.3 ล้านหุ้น ซึ่งมากกว่าที่คาดหมาย เมื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและมีผู้ลงทุนชาวต่างประเทศที่มิได้เป็นผู้ถือหุ้นเดิมเสนอซื้อมาเป็นจำนวนถึง 198.6 ล้าน ซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรที่จะจัดสรรให้จากหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือและหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement)
การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้จำนวนหุ้นจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มจาก 254.2 ล้านหุ้นเป็น 607.3 ล้านหุ้น และมีผลให้เงินกองทุนชั้นที่ 1 ของบริษัทเพิ่มจาก 6,129 ล้านบาท เป็น 9,660 ล้านบาท อันจะส่งให้อัตราส่วนของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) เพิ่มจากอัตราร้อยละ 17.1 เป็นร้อยละ 26.9 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงมากในมาตรฐานสากล โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราส่วนต่ำสุดที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ร้อยละ 8
เงินกองทุนและ BIS Ratio
เปรียบเทียบ ณ วันสิ้นงวดบัญชี ที่ 31 ธันวาคม 2540
ก่อนการตั้งสำรอง หลังการตั้งสำรอง หลังการเพิ่มทุน
และตั้งสำรองเงินกองทุนชั้นที่ 1 (ล้านบาท) 9,900 6,129 9,660BIS Ratio (ร้อยละ) 24.7 17.1 26.9
การเพิ่มทุนครั้งนี้ นอกจากจะทำให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการเสริมโครงสร้างผู้ถือหุ้นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20.5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต่างประเทศจะถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 45 โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนประเภทสถาบันซึ่งแสดงความมั่นใจต่อศักยภาพของบริษัท แม้ในภาวะที่ประเทศและภูมิภาคกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ
บริษัทฯ ได้บรรลุเป้าหมายขั้นแรกแล้วในอันที่จะก้าวไปสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ ดังเจตนารมณ์ที่ให้ไว้แก่ผู้ถือหุ้น ในขั้นต่อไป บริษัทฯ กำลังดำเนินการยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ เพื่อขอเข้าควบรวมกิจการกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอกชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือและมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพื่อสร้างฐานเงินทุนและฐานสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น--จบ--