กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--24 คูณ 7
- การแข่งขันคักคึกหลังผู้เข้าร่วมแข่งขันเพิ่ม 50%
- ผู้ชนะรับรางวัลรวมมูลค่า 400,000 บาท พร้อมตั๋วเข้าชิงระดับโลกที่สวีเดน
บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกหนักและรถโดยสารขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อวอลโว่จากประเทศสวีเดนในประเทศไทย จัดการแข่งขันประหยัดน้ำมันในรายการ ฟิววอท์ช คอมเพทิชั่น 2014 season 5 (Fuelwatch Competition 2014) รอบสุดท้ายเพื่อคัดนักขับที่ดีที่สุดเป็นตัวแทนประเทศไทยสู่สนามรอบสุดท้าย ชิงตำแหน่งแชมป์โลกนักขับรถหัวลากวอลโว่ที่ประเทศสวีเดน
มร. ฌาคส์ มิเชล ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฟิววอท์ช คอมเพทิชั่น นี้เป็น กิจกรรมที่บริษัทวอลโว่ กรุ๊ป จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหานักขับรถบรรทุกหัวลากวอลโว่ ที่มีวินัยในการขับขี่ โดยเฉพาะการประหยัดเชื้อเพลิง อันเป็นการประหยัดต้นทุน สร้างผลกำไรกลับคืนสู่ผู้ประกอบการได้โดยตรง และที่สำคัญคือเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่และการรักษา สิ่งแวดล้อม โดยในประเทศไทยครั้งนี้นับเป็นการจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 5
สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ปรากฏว่าบรรยากาศคึกคักกว่าทุกปีเพราะจำนวนผู้สมัครเพิ่มขึ้นถึง 50% จากปีที่แล้วที่มีผู้สมัคร 81 คนมาเป็น 120 คนในปีนี้ “จำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับจากทั้งเจ้าของรถและพนักงานขับรถ ซึ่งเราสามารถพูดได้ว่ากิจกรรมนี้ตอนนี้เป็นกิจกรรมที่ทุกคนรอคอยและจับตามองว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นที่ใดเพื่อกลับมามองที่ตัวเองว่าจะเตรียมความพร้อมอย่างไรในการเตรียมตัวเข้าสู่สนามแข่งขัน” มร. มิเชล กล่าว
สำหรับผู้ชนะเลิศในประเทศไทยปีนี้คือนายเจริญ ศรีบุญเรือง จากบริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รองชนะเลิศอันดับ 1 คือนายสายชล องคต จากบริษัท สุขสมบูรณ์น้ำมันพืช จำกัด รองชนะเลิศอันดับ 2 คือนายเสกสรรค์เทพเดช จากบริษัท ตงฮั้วบัวใหญ่ (1994) จำกัด และรองชนะเลิศอันดับ 3 คือนายสมชาย เจริญผล จาก หจก. กิจเจริญผลก่อสร้าง โดยผู้ชนะเลิศครั้งนี้สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้ดีกว่ารองอันดับหนึ่ง 1.75%
ทางด้านนายเอกนาถ สุวินทวงศ์ รองประธานฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่าในปีนี้ รอบสุดท้ายจะเริ่มพิธีอย่างเป็นทางการที่สาขาชลบุรี และจะมีพิธีการปล่อยรถแข่งขันอย่างเป็นทางการบนทางหลวง 344 กรุงเทพ-แกลง คิดเป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร โดยตลอดรายการแข่งขันครั้งนี้ จะใช้รถหัวลากวอลโว่ FM ติดตั้งอุปกรณ์ DynaFleet-Trip manager ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถหัวลากวอลโว่ทุกรุ่น โดยการแข่งขันครั้งนี้ จะใช้เป็นเครื่องมือวัดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานพร้อมระยะเวลาในการขับด้วยเช่นกัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ได้กิจกรรมทดสอบขับรถหัวลากรุ่นใหม่ล่าสุดของวอลโว่ ทรัคส์ จำนวน 3 รุ่นได้แก่ FH, FM และ FMX และมีแผนที่จะแนะนำรถหัวลากทั้ง 3 รุ่นแสดงในกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายน ทั้งหมด 5 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดสุราษฏธานี จังหวัดตาก จังหวัดชลบุรี จังหวัดอยุธยา และจังหวัดขอนแก่น โดยวอลโว่ ทรัคส์ จะจัดกิจกรรมโรดโชว์นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดพร้อมกับแนะนำรถหัวลากทั้ง 3 รุ่น
นายเอกนาถกล่าวถึงกติกาการแข่งขันครั้งนี้ ผู้สมัครจะต้องเป็นพนักงานของบริษัทที่ใช้รถหัวลากวอลโว่รุ่น FM หรือ FH บริษัทละ 1 คน โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบคือรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งรอบคัดเลือกนั้น แบ่งออกเป็น 6 ภูมิภาคใน 6 จังหวัดได้แก่สมุทรปราการ ระยอง สระบุรี ขอนแก่น ตากและสุราษฎร์ธานี ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะเข้าร่วมการคัดเลือกเพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น โดยวอลโว่ ทรัคส์ ได้จัดเตรียมรถสำหรับแข่งขัน และผู้เข้าร่วมแข่งขันจะต้องผ่านการทดสอบข้อเขียนด้วยคะแนนมากกว่า 85% จึงจะได้รับสิทธิ์แข่งภาคปฏิบัติ
มร.มิเชล กล่าวว่าภายในงานเลี้ยงคืนวันที่ 16 สิงหาคม จะมีการประกาศชื่อทีมผู้ชนะเลิศ และผู้ชนะในปีนี้เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าสู่สนามสุดท้าย Volvo Trucks FuelWatch World Final 2014 ที่ประเทศสวีเดน จำนวน 2 คนพร้อมท่องเที่ยว มูลค่า 200,000 บาท พร้อมกับรับรางวัลทัวร์แพ็กเกจมูลค่า 50,000 บาท ส่วนบริษัทที่ส่งผู้เข้าแข่งขัน จะได้รับ Voucher อะไหล่มูลค่า 150,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 400,000 บาท โดยทีมที่ชนะเลิศ จะได้รับรางวัลมูลค่า 20,000 บาท
สำหรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ผู้แข่งขันได้รับรางวัล มูลค่า 30,000 บาท บริษัทผู้แข่งขันจะได้รับ Voucher อะไหล่มูลค่า 50,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ผู้แข่งขันรับรางวัลมูลค่า 10,000 บาท บริษัทผู้แข่งขันจะได้รับ Voucher อะไหล่ มูลค่า 30,000 บาท โดยผู้เข้าแข่งขันที่สามารถเข้าสู่รอบคัดเลือกจำนวน 24 บริษัท จะได้รับรางวัลน้ำมันเครื่อง 120 ลิตร มูลค่า 15,000 บาท
ในขั้นตอนการแข่งขันนั้น วอลโว่ ทรัคส์ นี้ คณะผู้จัดการแข่งขันได้ทำการคัดเลือกผู้สมัครที่จะต้องผ่านการสอบข้อเขียนด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 85% ซึ่งผู้ผ่านข้อเขียนจะเข้าสู่การแข่งขันภาคสนามเพื่อคัดให้เหลือ 24 คนเพื่อเข้าสู่รอบก่อนชิงชนะเลิศ และจะทำการคัดให้เหลือ 4 คนเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในวันที่ 16 สิงหาคม