กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--Worklink da Agency
PPS เดินหน้าบุกงานภาคเอกชนทั้งในประเทศและAEC ตั้งเป้ารับงานใหม่เพิ่ม 200 ล้านบาท พร้อมตั้งแผนกใหม่ดูแลงานรัฐ คาดเริ่มรับงานไตรมาส 4 ปีนี้ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกกำไร 13.27 ล้านบาท เติบโต 56.03 %
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) ผู้นำธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้าง เปิดเผยว่า
กลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ของบริษัทมีแนวโน้มลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเสนองานบริหารโครงการก่อสร้างจำนวนหลายโครงการ ตลอดจนมีการเจรจากับพันธมิตรในประเทศลาว กัมพูชา เพื่อดำเนินโครงการร่วมกันทั้งในส่วนของงานบริหารโครงการ และงานออกแบบ คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเข้ารับงานเพิ่มคิดเป็นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 400 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 210 ล้านบาท (สิ้นสุดเดือน ก.ค. 57)
นอกจากนี้ยังคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐจะมีความชัดเจนในการเริ่มดำเนินโครงการมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีการตั้งแผนกงานบริหารโครงการก่อสร้างภาครัฐขึ้นใหม่ เพื่อมุ่งเน้นการติดตามศึกษาข้อมูลของโครงการ เตรียมความพร้อม ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้ารับงานรูปแบบต่างๆ
“ในช่วงครึ่งปีหลังนอกเหนือจากการบุกงานในด้านต่างๆให้มากขึ้นแล้ว เรายังต้องมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการด้านบุคลากรที่ดี เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้กำไรในครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ มีการเติบโต”นายธัช กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก 2557 ของบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 138.92 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.71 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม จำนวน 134.21ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.51% และมีกำไรสุทธิจำนวน 13.27 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.76 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 8.50 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 56.03%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 66.12 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.06 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม จำนวน 71.19 ล้านบาท หรือ ปรับตัวลดลง 7.11 % และมีกำไรสุทธิจำนวน 5.23 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 0.75 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 5.98 ล้านบาท หรือ ปรับตัวลดลง 12.52 %
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทในรอบครึ่งปีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้งานบริหารโครงการก่อสร้างของกลุ่มลูกค้าในภาคเอกชนเป็นหลัก ประกอบกับมีการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 34.92% ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ผลประกอบการในครึ่งปีแรกยังเติบโตไม่ได้ตามเป้าหมายเนื่องจากผลกระทบของสภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ