กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--syllablegroup.thailand
บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก เดินหน้าสานต่อ “แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน” (Unilever Sustainable Living Plan)ในปีที่ 4 จัดงานเสวนาแสวงหาความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาขยะระดับชาติ พร้อมประกาศความสำเร็จในการลดปริมาณของเสียจากการผลิตและขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) ตอกย้ำความเป็นผู้นำการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนแบบไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
ล่าสุด ยูนิลีเวอร์โดยการนำของ มร. บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย พม่า กัมพูชา และลาวผนึกกำลังกับอีก 4 องค์กรพันธมิตรจากภาครัฐ และเอกชน ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมไทยร่วมกันจัดเสวนาเรื่อง “วิกฤตขยะของประเทศไทย: การสร้างพันธมิตรสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเซนต์ รีจีส เมื่อเร็ว ๆ นี้(18สิงหาคม 2557) พร้อมลงนามเชิงสัญลักษณ์แสดงเจตจำนงร่วมกันรณรงค์จัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบในระยะยาวโดยมี นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาร่วมเป็นประธานในกิจกรรม พร้อมด้วยตัวแทนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานอย่างคับคั่ง
มร. ราวเออร์ส เปิดเผยว่า “บริษัทยูนิลีเวอร์ได้ดำเนินการตามแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นรูปแบบในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ตลอดระยะเวลา4ปีที่ผ่านมา ยูนิลีเวอร์ได้มุ่งขยายธุรกิจไปพร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนมาโดยตลอดและการเสวนาในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการแสวงหาพันธมิตรความร่วมมือเพื่อการแก้ไขวิกฤตขยะของประเทศไทยในระยะยาว”
มร.ราวเออร์ส เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนเนื่องจากแต่ละองค์กรพันธมิตร ล้วนเป็นองค์กรหลักที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและสามารถมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเพื่อร่วมกันทำให้เมืองไทยปลอดขยะ
ผู้บริหารยูนิลีเวอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนภายในองค์กรของยูนิลีเวอร์เอง ก็ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะและของเสียเช่นกันโดยปัจจุบัน โรงงานทั้งสองแห่งของยูนิลีเวอร์สามารถลดปริมาณของเสียที่เกิดจากการผลิตและขยะฝังกลบปริมาณ 23,000 ตัน ให้เป็นศูนย์ได้สำเร็จตั้งแต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของยูนิลีเวอร์ ที่ตั้งเป้าการลดของเสียที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของยูนิลีเวอร์ให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2563
มร. ราวเออร์ส สรุปทิ้งท้ายว่า “ความสำเร็จที่เกิดขึ้นตามโมเดลใน ‘แผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน’ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่สดใสอันจะเกิดจากการจัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบ และยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อหวังให้เมืองไทยของเราปลอดขยะ”