กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. จัด “SEC Working Papers Forum ครั้งที่ 2” ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อ “ซื้อหุ้นให้ดูบอนด์” พบราคาหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตอบสนองในทางบวกเมื่อประกาศออกหุ้นกู้ สนับสนุนโดยทฤษฎีการชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์และผลเสียจากการก่อหนี้
ดร. วรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า งานสัมมนา SEC Working Papers Forum ครั้งที่ 2 เป็นการจัดงานสัมมนาตามบันทึกความตกลง ที่ ก.ล.ต. ร่วมกับ 4 สถาบันการศึกษา นำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวข้องกับตลาดทุน มุ่งนำไปใช้ได้จริง โดยทีมวิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ผลงานวิจัยในประเด็น “ซื้อหุ้นให้ดูบอนด์” ในปี 2556 ที่ผ่านมา การระดมทุนด้วยตราสารหนี้ได้รับความนิยมมาก บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกหุ้นกู้ระยะยาวมีมูลค่าระดมทุนเกือบ 5 แสนล้านบาท การศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้ลงทุนจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้จะช่วยให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจกับบริษัทในการระดมทุนที่เหมาะสม ขณะที่ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาข้อมูลที่จะเป็นสัญญาณแจ้งเตือนก่อนการปรับเปลี่ยนการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้ ซึ่งจะมีผลกับการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
นายศักดา ถิระโสภณ ผู้วิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า งานวิจัยนี้มุ่งเน้นตอบปัญหาในสองประเด็น ประเด็นแรกคือการตรวจสอบผลการตอบสนองของราคาหุ้นสามัญ เมื่อบริษัทจดทะเบียนมีการประกาศออกหุ้นกู้ ด้วยวิธีศึกษาเหตุการณ์ (Event Study*) และประเด็นที่สองคือ การอธิบายผลการตอบสนองข้างต้นว่าเป็นไปตามทฤษฎีทางการเงินทฤษฏีใด ด้วยแบบจำลอง Multiple Regression โดยใช้ข้อมูลของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2547 - 2556 เป็นกลุ่มตัวอย่าง จากการศึกษาพบว่า ตลาดหุ้นมีการตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางบวกโดยเกิดกำไรเกินปกติ และการตอบสนองของเหตุการณ์ เป็นไปตามทฤษฎีการชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์และผลเสียจากการก่อหนี้ กล่าวคือ หากการออกหุ้นกู้ของบริษัทได้รับผลประโยชน์มากกว่าผลเสีย ตลาดหุ้นจะตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางบวก ในทางตรงกันข้าม หากการออกหุ้นกู้ครั้งนั้นมีผลเสียมากกว่า ราคาหุ้นจะมีการตอบสนองต่อการออกหุ้นกู้ในทางลบ การศึกษานี้ จึงเป็นประโยชน์แก่บริษัทจดทะเบียนในการให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจระดมทุนที่เหมาะสม เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับบริษัท รวมทั้งผู้ลงทุนที่จะสามารถนำไปสร้างกลยุทธ์ในการลงทุนที่มีประสิทธิผล
รศ.ดร. จิรพล จิยะจันทน์ ผู้วิจัยจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยการศึกษาซึ่งเน้นถึงบทบาทของข้อมูลหรือการส่งสัญญาณที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะประกาศออกมา (credit watch placement) ก่อนมีการปรับเปลี่ยนอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน โดยพบว่าข้อมูลหรือสัญญาณดังกล่าวมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญกับราคาหุ้นของบริษัท โดยเฉพาะต่อราคาหุ้นของบริษัทที่มีข้อมูลสัญญาณแจ้งเตือนก่อนปรับเปลี่ยนการจัดอันดับจริงจะมีนัยสำคัญกว่าบริษัทที่ไม่มีการส่งสัญญาณดังกล่าว และการมีข้อมูลสัญญาณแจ้งเตือนจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่เป็นสัญญาณดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนในการตัดสินใจลงทุนได้