กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--อีริคสัน
- เทคโนโลยีมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
- การพิมพ์หรือแชตได้กลายวีธีการสื่อสารหลักระหว่างผู้สูงอายุกับลูกหลาน
- วิดีโอคอลเริ่มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ
- ความแตกต่างระหว่างผู้สูงอายุที่ใช้และไม่ใช้งานเทคโนโลยีเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
จากผลงานวิจัยฉบับใหม่ของอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ ทีได้ทำการสำรวจกลุ่มผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร เผยออกมาว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่างมองว่า การได้รับข่าวสารต่างๆมากขึ้น ตลอดจนมีการเข้าร่วมกลุ่มสร้างสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆในสังคมออนไลน์รอบตัวมากขึ้น นั้นช่วยทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
เราอาจจะกล่าวได้ว่า ผู้สูงอายุในปัจจุบันนั้นเป็นกลุ่มแรกที่สามารถเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่หลากหลายในช่วงวัยที่อายุมากแล้ว โดยแต่ละคนนั้นเผยว่าพวกเขารู้สึกมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับข่าวสารต่างๆ มากขึ้น มีความรู้สึกว่าเด็กลง และมีการเข้าร่วมกลุ่มกับบุคคลอื่นและสังคมรอบตัวมากขึ้น ตลอดจนได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในสังคมนี้ โดยสรุปรวมแล้วกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีนั้นได้เข้ามีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารสามารถเชื่อมรอยต่อระหว่างวัยชองผู้สูงอายุกับกลุ่มคนวัยรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยพวกเขาสามารถแชร์ความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยี การสอน และการให้ความช่วยเหลือพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ตลอดจนเป็นการสร้างพื้นที่ตรงกลางภายในครอบครัว
ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีต่างๆในปัจจุบัน ยังคงเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมจากการเข้าถึงเทคโนโลยีของในกลุ่มวัยต่างๆอีกด้วย โดยความเหลื่อมล้ำนี้ได้เริ่มเกิดขึ้นในกลุ่มของผู้สูงอายุเช่นกัน โดยผู้สูงวัยจำนวนมากที่ยังไม่มีการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือการบริการรูปแบบใหม่ๆ
สำหรับกลุ่มวัยที่ทำให้ผู้สูงอายุเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร คือ กลุ่มคนวัยรุ่นลูกรุ่นหลานนั้นเอง โดยเริ่มจากการพิมพ์แชต (Chat)และส่งรูปภาพนั้นเอง ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารดังกล่าวนั้นได้ลดการใช้งานในแบบของโทรศัพท์พูดคุยหรือวอยซ์ (Voice) และการใช้อีเมล์ (eMail) โดยผู้สูงอายุมักมองว่ากลุ่มคนวัยที่อายุน้อยกว่าชอบที่จะสื่อสารด้วยการพิมพ์แชตมากกว่า
นอกจากนี้ ด้วยหน้าจอที่ปรับขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้งานที่ง่าย จึงทำให้แท็บเล็ตกลายเป็นอุปกรณ์ที่สร้างความดึงดูดใจให้กับกลุ่มคนวัย 65-75 ปี และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวิดีโอคอล (Video Call) ก็ได้รับความนิยมที่มากขึ้นเช่นกัน
นายบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ กล่าวว่า “กลุ่มคนสูงอายุมองว่าอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นอุปกรณ์การศื่อสารที่สมบูรณ์แบบ เพราะมันช่วยให้พวกเขาสามารถสื่อสารกับกลุ่มเพื่อนสนิทและครอบครัว รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และการแชร์บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตในสไตล์หรือที่เป็นตัวตนของพวกเขาได้ดีอีกด้วย”
กิจกรรมของกลุ่มคนวัยนี้ถูกเติมเต็มด้วยการเชื่อมต่อกับลูกหลานและเพื่อนๆ กิจกรรมอาสาสมัคร การเข้าสังคมร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ ความสนใจเฉพาะบุคคล ตลอดจนการเดินทางท่องเที่ยวของพวกเขาเอง
ข้อค้นพบของรายงานการวิจัย เรื่อง “Connecting the Senior Generation” สรุปได้ว่า
- การพัฒนาคุณภาพชีวิต
นี่ถือเป็นกลุ่มผู้สูงอายุรุ่นแรกที่สามารถใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารหลากหลายรูปแบบในช่วงวัยที่แต่ละคนมีอายุมากขึ้น โดยแต่ละคนนั้นเผยว่าพวกเขารู้สึกมีชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับข่าวสารต่างๆ มากขึ้น มีชีวิตที่เด็กลง และมีการเข้าร่วมกลุ่มกับบุคคลอื่นและสังคมรอบตัวมากขึ้น ตลอดจนได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในสังคมนี้ โดยสรุปรวมแล้วกล่าวได้ว่า เทคโนโลยีนั้นได้เข้ามีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
- แท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยม
ด้วยหน้าจอที่ปรับขนาดใหญ่ขึ้นและการใช้งานที่ง่าย จึงทำให้แท็บเล็ตกลายเป็นอุปกรณ์ที่สร้างความดึงดูดใจให้กับกลุ่มคนวัย 65-75 ปี และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- รูปแบบใหม่ของการสื่อสาร
ความนิยมในการการพิมพ์แชต (Chat) แชร์รูปภาพและวีดีโอที่มากขึ้นนั้นทำให้การใช้งานในแบบของโทรศัพท์พูดคุยหรือวอยซ์ (Voice) และการใช้อีเมล์ (eMail) นั้นลดลงในกลุ่มผู้สูงอายุ
- การแชร์วิดีโอ
วิดีโอคอลกำลังได้รับความนิยมที่มากขึ้นในกลุ่มของผู้สูงอายุ ซึ่งนับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะช่วยทำให้พวกเขาสามารถสื่อสารกับเพื่อนสนิทและครอบครัว รวมถึงเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และการแชร์เรื่องราวต่างๆ ในชีวิต
- ความเหลื่อมล้ำในสังคมจากการเข้าถึงเทคโนโลยี
ทั้งนี้ด้วยการเติบโตของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ยังคงเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมจากการเข้าถึงเทคโนโลยีของคนวัยรุ่นราวคราวเดียวกัน และสิ่งนี้ได้เริ่มเกิดขึ้นในกลุ่มของผู้สูงอายุเช่นกัน โดยผู้สูงวัยส่วนใหญ่นั้นยังไม่มีการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือการบริการรูปแบบใหม่