กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--worklink
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นสามัญของบริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ “SMART” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไฟเขียวให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนของ SMART เมื่อวันที่ 21 ส.ค.57 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่า SMART จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนกันยายน 2557
โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 115 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย SMART จำนวน 70.45 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ชลประทีปสินทรัพย์ จำกัด (CPP) จำนวน 44.55 ล้านหุ้น
ทั้งนี้บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 46 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Pre-emptive Right) ในอัตราส่วน 11.8289 หุ้น CCP ต่อการใช้สิทธิซื้อหุ้น 1 หุ้น ของSMART สำหรับผู้ถือหุ้น CCP ที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 ก.ย. 57 ซึ่งเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อ (Record Date) และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ก.ย. 57 (ทั้งนี้ วันที่ 3 ก.ย. 57 เป็นวันสุดท้ายที่ผู้ถือหุ้น CCP จะได้สิทธิในการจองซื้อหุ้น SMART) และบริษัทจะนำหุ้นสามัญส่วนที่เหลือ จำนวน 69 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)
โดยวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน ไปใช้สำหรับลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ คาดว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ SMART จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ มีการเติบโตตามเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายประทีป ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง งานกั้นผนังภายในอาคาร เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอิฐมวลเบารายใหญ่ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับที่ 3 และในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายในปี 2554 - 2556 เท่ากับ 368.64 ล้านบาท 404.19 ล้านบาท 416.48 ล้านบาท ตามลำดับ และงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2557 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 220.15 ล้านบาท
“ปริมาณการจำหน่ายอิฐมวลเบาของบริษัทที่เติบโตเพิ่มขึ้น เกิดจากปริมาณความต้องการ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มีการยอมรับการใช้อิฐมวลเบาในการก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติและการใช้งานที่เอื้ออำนวยต่อทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง เจ้าของอาคาร รวมถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอความรู้ เกี่ยวกับอิฐมวลเบากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้อิฐมวลเบาเป็นทางเลือกที่ดีของผู้บริโภค”นายประทีป กล่าว
ทั้งนี้คาดว่าตลาดอิฐมวลเบามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งบริษัทได้เริ่มวางแผนรองรับมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ โดยลงทุนติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม อาทิ ไซโล เครื่องบดทราย เครื่องผลิตไอน้ำ ตู้อบไอน้ำ เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 3.0 ล้านตารางเมตรต่อปีจนปัจจุบันเป็น 4.5 ล้านตารางเมตรต่อปี เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีปริมาณสูงขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตามการระดมทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้ SMART สามารถขยายธุรกิจออกไปได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่มีอยู่ปัจจุบัน เพื่อขยายกำลังการผลิต ให้เพิ่มมากขึ้นเป็น 6 ล้านตารางเมตร ต่อ ปี และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ผลิตผนังมวลเบา (PANEL) รวมทั้งผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมความพร้อมให้กับอิฐมวลเบา เช่น คานสำเร็จรูป (LINTEL)