กรุงเทพ--28 ต.ค.--ไอเอฟดี
ไอเอฟดี ชี้การเมืองเร่งเศรษฐกิจดิ่งเหว การปรับครม.ไม่มีผล เสนอ 2 ทางเลือกสุดท้ายต้องเร่งทำด่วนที่สุด คือ ต้องผ่านพรบ.กฎหมายลูก 3 ฉบับ ภายใน 10 วัน หากทำไม่ได้ควรตั้งรัฐบาลแห่งชาติปลอดการเมือง 2 ปี รัฐควรเร่งรีบตัดสินใจก่อนสายเกินไป
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ท่านนายกรัฐมนตรีตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ว่า การปรับครั้งนี้ไม่ได้ช่วยสร้างให้เกิดภาพพจน์ที่ดีและความเชื่อมั่นเพิ่มมากนัก เพราะปรับคณะรัฐมนตรีช้าเกินไป ซึ่งตราบใดที่การเมืองยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เงินตราก็ไหลออกนอกประเทศไปเรื่อยๆ อาจนำไปสู่การล้มละายทางเศรษฐกิจของประเทศ รัฐต้องร่วมมือสร้างความเชื่อมั่นก่อสายเกินไป โดยมี 2 แนวทาง คือ การผ่านพระราชบัญญัติ 3 ฉบับภายในเวลา 10 วันหากไม่ทันก็ใช้แนวทางที่สอง คือ การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ
"แนวความคิดสำหรับการผ่านพระราชบัญญัติกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ คือ กฎหมายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมือง ภายใน 10 วันนั้น ความจริงอาจจะเป็นเวลาที่สั้นมากสำหรับการพิจารณากฎหมายที่มีความสำคัญต่อการปฏิรูปการเมือง และเป็นกฎหมายที่มีรายละเอียดปลีกกย่อย ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ผมเห็นว่า หากเราพับแขนเสื้อ พับขากางเกง ลุยทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ หากมีการประสานงานกันอย่างดีระหว่างสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เพื่อให้สามารถยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศก็จะสามารถกลับคืนมาได้ เพราะขณะนี้แรงกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาธุรกิจขาดสภาพคล่องและเจ้าหนี้ต่างประเทศเรียกกลับหนี้ต่างประเทศระยะสั้นที่สูงมากยังดำรงอยู่ หากช้าเกินไปก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศ"
ผอ.สถาบันอนาคตศึกษากเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หากคิดว่าไม่สามารถร่วมแรงร่วมใจกับออกกฎหมายลูกทั้ง 3 ฉบับให้เสร็จได้ทันภายใน 10 วัน หากต้องช้าไปกว่านี้ก็ควรที่จะใช้แนวทางที่สอง คือ จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่อยู่ในลักษณะ "ปลอดการเมือง" ขึ้นชุดหนึ่ง มีเวลาทำงาน 2 ปี เพื่อช่วยแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว โดยรัฐบาลบชุดนี้ควรเญรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก หรือเป็นบุคคลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชนและเป็นที่เชื่อถือและไว้วางใจของต่างประเทศขึ้นดำรงตำแหน่ง
"ในยามปกติผมคงไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดของการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ในยามวิกฤติเช่นนี้ ผมขอเสนอว่าเป็นทางออกที่ดีและมิใช่เป็นเพียงกระแสที่เมื่อไม่ได้รับความสนใจแล้วก็จบไป แต่ในความเป็นจริง การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติในขระนี้ก็ยังคงเป็นหนทางแห่งความสว่างอันริบหรี่อยู่เบื้องหน้า ท่านนายกรัฐมนตรีและนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเองต้องปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการทางการเมืองชั่วคราว เมื่อมุ่งมั่นให้เกิดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรงอยู่นี้ให้จบสิ้นไป"
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากสามารถจัดตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ" ได้จริงก็จะช่วยกู้ภาวะวิกฤตได้ เพราะขณะนี้ประเทศชาติที่ต้องการการรวมพลัง ต้องการผู้นำที่มีภาวะผู้นำ มีความเป็นรัฐบุรุษ มีวิสัยทัศน์และเรียกความศรัทธาจากทั่วโลกได้ นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้นำที่รู้ปัญหาจริงและทีมงานที่แก้ปัยหาได้จริง รวมทั้งมีอำนาจในการสั่งการที่เพียงพอ ซึ่งจะต้องเป็นคนที่คนทั้งประเทศให้ความนับถือและเชื่อมั่นฃ
"เวลานี้ทุกฝ่ายควรจะหยุดการเล่นเกมทางการเมือง แต่ควรหันมาเล่นเกมแห่งเหตุผลว่า ควรแก้ปัยหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศชาติอย่างเร่งด่วนได้อย่างไร รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้การแก้ปัญหาชักช้าและยืดเยื้อ จนกระทั่งความเสียหายที่เกิดขึ้นรุนแรงและยากที่จะเยียวยารื้อฟื้นให้กลับคืนสภาพเดิมได้อีกต่อไป เราจะรอให้ประเทศต้องล้มละลาย ต้องไปเจรจาผ่อนผันการชำระหนี้ Debt Moratorium ที่ London หรือก่อนที่เราตกลงใจอย่างสมเหตุสมผลกับสถานการณ์อันร้ายแรงยิ่งที่ประเทศของเรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้" ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวในตอนท้าย--จบ--