กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “พม. ร่วมสร้าง ชุมชนร่วมใจ สร้างสังคมไทย สามัคคี” เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ของประชาชนในชุมชน โดยส่งเสริมให้ภาคประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา และเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่กับสังคมไทย ณ ตึกวังสะพานขาว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสำนักคุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน กรมพัฒนาสังคมและสวัดิการ มีภารกิจในการดำเนินงานคุ้มครอง พัฒนาศักยภาพและช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมแบบองค์รวม โดยการส่งเสริม สนับสนุน ให้ชุมชนดำเนินการป้องกัน คุ้มครอง ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และพัฒนาศักยภาพของตนเอง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ซึ่งมีหน่วยงานประกอบด้วย ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน จำนวน ๓๔ ศูนย์ ดูแลพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ จำนวน ๕๐ เขต จึงได้จัดโครงการ “พม. ร่วมสร้าง ชุมชนร่วมใจ สร้างสังคมไทย สามัคคี” ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความสมานฉันท์ภายในชุมชน โดยการส่งเสริมภาคประชาสังคม และลดเงื่อนไขความแตกแยกในสังคม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสังคมไทย มีส่วนร่วม
ในการได้รับความเป็นธรรมในสังคม เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ ในแต่ละชุมชนและสังคม ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำรงชีวิตและพึ่งตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า การจัดโครงการฯ ครั้งนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การปล่อยขบวน “พม.ร่วมสร้าง ชุมชนร่วมใจ สร้างสังคมไทย สามัคคี” โดยมอบอุปกรณ์บำเพ็ญประโยชน์ เพื่อทำความสะอาดชุมชนรอบวังสะพานขาว การปล่อยขบวนเรือ “คืนน้ำใส เติมน้ำใจ ให้คลองผดุงกรุงเกษม” การเยี่ยมชมกิจกรรม การตรวจภาพฟรี
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ธงฟ้าราคาถูก การแสดงคอนเสิร์ตจากทหาร และศิลปิน The Voice เป็นต้น และนอกจากนี้ ในวันเดียวกันยังจัดกิจกรรมดังกล่าว ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อีก ๒ แห่ง ได้แก่ สวนสันติภาพ เขตราชเทวี และตลาดน้ำ
ขวัญเรียม เขตมีนบุรี อีกด้วย
ทั้งนี้ “กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการฯนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ประชาชน และหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมร่วมกัน เสริมสร้างชุมชนให้เกิดความสมานฉันท์ สังคมเกิดความรักและสามัคคี มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เกิดความปรองดอง และเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ส่งผลให้ชุมชนและสังคม เกิดความผาสุกอย่างยั่งยืน” นายวิเชียร กล่าวตอนท้าย