กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
รายการที่นี่หมอชิตคืนวันอาทิตย์นี้ พี่ดู๋ สัญญา จะพาไปพบกับครอบครัวของ หนุ่ม แด๊กซ์-เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด (อดีตนักร้องนำวง BIG ASS) พร้อมภรรยาคนสวย คุณแจง สาวิตรี และลูกสาว น้องร็อคกี้ (ด.ญ.มินญาดา) ที่วันนี้มารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมพูดคุยเรื่องราวความรักความผูกพันธ์ของทั้งสองที่ใช้เวลาในการทำความรู้จักกันอยู่นานถึง 8 ปี ที่คุณแด๊กบอกว่ากว่าจะมาเป็นครอบครัวในวันนี้ เค้าถึงกับต้องหลั่งน้ำตาด้วยความทรมานในการตัดสินใจเสียอิสรภาพจดทะเบียนสมรสกับภรรยา ลองฟังกันว่าเพราะอะไร
“ทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไร และหันมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเมื่อไหร่ ?? แจง : เจอกันนานมากแล้วคะ ประมาณ8ปีแล้ว ตอนนั้นเขาก็เริ่มดังแล้ว เราก็อยู่ต่างจังหวัดแล้วพี่เขาก็ไปเล่นคอนเสิร์ตตามงานประจำปีก็เลยไปดูหน่อยดีกว่า ตอนนั้นอยู่ที่สกลนครคะ เลยมีโอกาสได้เจอได้ขอถ่ายรูป ตอนนั้นพี่เขาเป็นบิ๊กแอส แล้วก็รู้จักกันแต่ไม่ได้สนิทเป็นแฟนอะไร ขอเบอร์แล้วก็หายกันไป นานๆทีนึงอาจจะมาเจอกันแค่ครั้งสองครั้งแล้วก็เริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นแฟนกัน แรกเราจะไม่ตามเขาเลยนะ มีแต่เขาโทรหาเราอย่างเดียว เราก็ไม่ค่อยสนใจ เราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นดาราเป็นศิลปินไม่เอาหรอก ไม่อยากมีแฟนเป็นศิลปินสาวๆเยอะ ตอนนั้น คิดแค่ว่าหล่อจังเลยเป็นศิลปินด้วย เมื่อก่อนเขาผอมด้วยไม่ตัวใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นแฟนกัน จนสุดท้ายเราเจอกันบ่อยขึ้น สนิทกันขึ้นก็ใช่นะ นิสัยคำพูดคำจาเหมือนคุยกันได้คุยกันรู้เรื่อง มันน่าจะใช่กว่าคนอื่นที่เราเจอมานะ ถ้าอยู่กินจริงๆก็ประมาณ2ปี ก่อนหน้านี้ก็ไปๆมาๆแล้วตอนนี้มีลูกแล้วก็เลยต้องมาอยู่ที่นี่เลี้ยงลูกเองไม่ได้จ้างแม่บ้าน แด๊ก : ผมไม่ชอบมีพิธีการอะไรมากมาย ผมไปบ้านผมก็บอกว่าผมโตแล้วเดี๋ยวดูแลให้ ไม่มีการแต่งงานนะครับไปถึงก็จดทะเบียนสมรสกันเลยไม่จัดพิธีให้ยุ่งยาก รู้มาว่าแด๊ก เป็นผู้ชายที่ หวงอิสระภาพมาก การหันมาใช้ชีวิคู่ครั้งนี้ ทำ แด๊กถึงกับเสียน้ำตา ??? แด๊ก : ผมเสียน้ำตามีครั้งสองครั้งเองครับในชีวิต เวลาผมสูญเสียความเป็นตัวเองต้องแรกกับอะไร ผมต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง เวลาสูญเสียเราเหมือนสูญเสียความตัวของตัวเองเราต้องเลือกทำ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการผูกมัดอย่างตอนที่แฟนขอจดทะเบียนสมรส ผมเครียดมากเลย ผมกลัวการผูกมัด กลัวไม่ได้เป็นอิสระ ถ้าเปรียบเทียบผมเหมือนสัตว์ป่าในทุ่งอิสระมากกว่าครับ จริงๆเป็นคนขี้กลัวไหม ไม่เคยกลัวเลยครับ กลัวอย่างเดียวครับกลัวสูญเสียอิสรภาพ แจง: ตอนแรกก็มีโต้แย้งกันอยู่ว่าทำไมไม่จัดงาน หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ยอมจัดงาน สุดท้ายแจงก็ถอยเองไม่สามารถบังคับเขาได้ งั้นไม่แต่งก็ไม่แต่งก็จดทะเบียนก็พอ เรื่องตัดสินใจจดทะเบียน เขาคิดก็ประมาณเกือบเดือนอยู่เหมือนกันถึงยอมจดคะ มาถึงเรื่องงานถามแทนแฟนคลับ บี้กแอส กับความสัมพันธ์ตอนนี้กับเพื่อนๆในวงเป็นอย่างไร ไม่เคยมีใครคิดเป็นกาวใจให้เหรอ?? แด๊ก : ไม่นะ นักฟุตบอลยังย้ายสโมสรไปได้ แต่ว่าถ้าในมุมผมจะแตกต่างนิดนึงคือดีเทลข้างในครับ ไม่เคยนึกเลยว่าในวงจะต้องสลับสมาชิกไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย พอมาถึงจุดที่สลับสมาชิกมันประหลาดแม้กระทั้งทีมงานก็นึกไม่ถึงครับเพราะว่าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยแล้วก็ไม่เคยนึก พอมาถึงเวลาแล้วทำไมทำได้ บิ๊กแอสนี่โตมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่รู้จักกันหมด ใครไม่คุยผมก็ไม่คุยไม่ต้องมีใครมาเป็นกาวใจ ไม่ต้องหรอกครับ เพราะผมไม่คุยกับใครเลยครับ ผมอยู่โลกของผมเลย ผมเป็นคนคิดแบบวิศวกรนะครับเวลาทำงานผมเป็นระบบจากล่างขึ้นบน ผมไม่ได้วาดไปเรื่อยเหมือนศิลปิน แต่นิสัยผมชอบอิสระอยู่ในร่างเดียวกัน จริงๆพวกเราก็ไม่ได้โกรธหรือ มีเรื่องราวอะไรกัน เราผ่านอะไรกันมาเยอะ นอนกินข้าวมาหม้อเดียวกัน เดี๋ยวมันถึงเวลาถ้ามันถึงเวลา มีอารมณ์น้อยใจไหม??แด๊ก: ไม่เชิงครับ พอโตขึ้นวิธีการทำงานมันต่าง คิดคนละอย่าง ถ้าแฟนคลับคิดถึงอยากให้กลับมารียูเนี่ยน?? แด๊ก : ก็ให้คิดถึงกันไปก่อน ตอนนี้ก็นึกถึงงานที่เราทำอยู่เพราะว่าเหมือนเรากำลังเริ่มอะไรใหม่ๆคิดอะไรใหม่ๆ เรื่องนั้นก็ให้เวลาหมุนไปก่อน”
จากเรื่องครอบครัว ก็ต้องไม่พลาดคุยเรื่องงานกับการกลับมาร้องเพลงมีผลงานอีกครั้งในนาม แด๊ก ร๊อกไรเดอร์ กับเพลง คนตายที่หายใจ เป็นเพลงที่สื่อถึงชีวิตของเค้าถึงช่วงหนึ่งที่หายไปจากการร้องเพลง วันนี้พี่ดู๋พาไปสัมภาษณ์ แด๊ก หรั่ง ต้น ศิลปินกลุ่ม ร็อกไรเดอร์ แบบวิเคราะห์เจาะลึกเรื่องราวการกลับมาทำเพลงอีกครั้ง พร้อมกับโชว์เพลงพิเศษที่เตรียมมาสำหรับรายการที่นี่หมอชิตด้วย ไปติดตามรับฟังและชมบทสัมภาษณ์แบบเฉพาะเจาะลึกกับทุกเรื่องของแด๊กกันได้ในรายการ ที่นี่หมอชิตคืนวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคมนี้ ทางช่อง 7