กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลสำเร็จการสนันสนุนเอสเอ็มอีไทย ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผ่าน Social Media เพื่อเสริมศักยภาพทางการตลาด ภายใต้โครงการ ECIT ปี 2557 ได้ผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรม 115 กิจการ มียอด Like เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 % สามารถสร้างยอดขายมากกว่า 90 ล้านบาท
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงผลสำเร็จของกิจกรรม “ส่งเสริม SMEs ใช้ Social Media เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการตลาด” ภายใต้ โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ECIT (อีซี่ไอที) โดยส่งเสริมและพัฒนา SMEs ใช้ไอทีเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มผลิตภาพและศักยภาพทางการตลาดของกิจการ ซึ่งการดำเนินงานของกิจกรรมนี้ ในปีงบประมาณ 2557 เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กับ วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจัดการฝึกอบรมและปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่ SMEs จำนวน 115 กิจการ โดยเน้นการใช้ Facebook เป็นเครื่องมือทางการตลาด สำหรับโมเดลการฝึกอบรม เป็นการอบรมเชิงลึกจำนวน 6 ครั้ง โดยจะมี วิทยากรทำหน้าที่เป็นโค้ชให้คำปรึกษาแนะนำตลอดการฝึกอบรม โดยวิทยากรดังกล่าว จะเป็น SMEs ที่ใช้ Social Media เป็นเครื่องมือทางการตลาดให้กับธุรกิจตนเองจนประสบความสำเร็จ ดังนั้นหลังจากที่ได้ดำเนินการฝึกอบรมจำนวน 3 รุ่น 115 กิจการ ทำให้ SMEs ที่ผ่านการฝึกอบรม มียอด Like เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 % และจากการประเมินผล พบว่า มียอดขายโดยรวมจากการขายสินค้าผ่าน Facebook มากกว่า 90 ล้านบาท
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของผลสำเร็จในกิจกรรมนี้ ขอยกตัวอย่าง SMEs ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมและประสบความสำเร็จ เช่น
1. คุณธิติพงษ์ โง้วประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Bangkok Wedding Planner & Studio จำกัด
ธุรกิจ สตูดิโอถ่ายรูปแต่งงาน แพคเกจแต่งงาน โปรโมชั่นแต่งงาน อย่างครบวงจร ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้คือ Social Media กับยอด Like Facebook Fanpage ถึง 31,214 Likes และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. คุณดำรงยุทธ นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นเน็ตเวิร์ค จำกัด
ธุรกิจ จำหน่าย ระบบกล้องCCTV, ระบกล้องวงจรปิด ไร้สาย ระยะไกล ธุรกิจซึ่งใช้ Social Media เป็นเครื่องมือทางการตลาด 100% ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนในการประชาสัมพันธ์ และสามารถเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
3. คุณจารุกิตติ์ พัฒนชยนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Japan outlet shop
ธุรกิจ ผู้นำเข้าเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ามือสองเกรดเอ เสื้อผ้าใหม่จากต่างประเทศ เสื้อผ้าแบรนด์เนมจากประเทศญี่ปุ่น และขายปลีก และขายส่ง แบบชั่งน่ำหนัก กับการผสมผสานการใช้จุดเด่นของ Social Media ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถที่จะช่วยให้ธุรกิจ เป็นที่รู้จักในวงกว้างบนโลก Online โดยมียอด Like Facebook Fanpage ถึง 47,547 Likes เป็นเครื่องการันตี
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า กิจกรรมนี้ช่วยให้ SMEs สามารถใช้ Social Media ในการเพิ่มศักยภาพทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในวันนี้ ได้มีการมอบวุฒิบัตรให้แก่ SMEs ที่ผ่านการฝึกอบรมด้วย โดยในปีงบประมาณ 2558 ก็ยังคงดำเนินกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะยังมี SMEs ที่สนใจเข้าร่วมอีกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ โครงการอีซี่ไอทีก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกได้แก่ การใช้ระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการ ผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง, การพัฒนาระบบ e-Marketplace เชื่อมต่อกับ e-Supply Chain ให้กับธุรกิจอุตสาหกรรม, การส่งเสริม SMEs ใช้ Green IT โดย ระบบ Dead Stock Management เพื่อลดต้นทุนในกิจการ, ใช้ Mobile Application ผ่าน สมาร์ทโฟนหรือแท๊บเล็ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้สะดวกยิ่งขึ้น และกิจกรรมส่งเสริม SMEs ใช้ ฟังก์ชั่นงานที่เป็น Free Ware ให้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการกิจการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น การประยุกต์ใช้ระบบงานต่างๆที่ Google ให้บริการฟรีอยู่ เป็นต้น ซึ่งในปีงบประมาณ 2557 มี SMEs เข้ารับบริการจากกิจกรรมต่างๆ ที่กล่าวมาจำนวน 900 กิจการ โดยใช้งบประมาณจำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งได้คาดการณ์ผลการดำเนินงานโครงการ ECIT ปี 2557 สามารถช่วยให้ SMEs มีผลิตภาพและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สามารถประเมินผลเป็นจำนวนเงินที่ SMEs ได้จากการเพิ่มผลิตภาพ, ประหยัดต้นทุนการนำระบบไอทีมาใช้, รายได้ที่เพิ่มขึ้น และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่น้อยกว่า 110 ล้านบาท หากคิด Benefit / Cost Ratio ขั้นต่ำที่ได้จากโครงการนี้เท่ากับ 3.87 หมายถึง รัฐฯ ลงทุนในโครงการนี้ 1 บาท ได้ผลตอบแทนความคุ้มค่า 3.87 บาท ถือว่าเป็นการลงทุนที่มีกำไร