กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กสส.จับมือขบวนการสหกรณ์ลดต้นทุนการผลิตแบบครบวงจร ฤดูผลิต 2557/58 เน้นลดต้นทุนต่อไร่ลงไร่ละ 432 บาท ประสานส่วนเกี่ยวข้องดูแล ปุ๋ย สารเคมีปราบวัชพืช เมล็ดพันธุ์ ต้องเป็นของแท้ ราคายุติธรรมพร้อมหาแหล่งเงินทุนให้สหกรณ์รวบรวมข้าวเปลือกเพื่อแปรรูปเป็นข้าวสารรอจำหน่าย แก้ปัญหาการกระจุกตัวของข้าวเปลือกมูลเหตุราคาข้าวตกต่ำ
ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถลดต้นทุนในการเพาะปลูกในฤดูการผลิตปี 2557/58 นี้ รวมถึงมาตรการการสนับสนุน แหล่งเงินทุนเพื่อการผลิต แปรรูปและการตลาด
ทั้งนี้กรมส่งสริมสหกรณ์ได้เชิญสหกรณ์จังหวัด สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร มาร่วมทำความเข้าใจ เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ทำการชี้แจงถึงแนวทางในการดำเนินการกับมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะมาตรการหลักในการช่วยเหลือ ได้แก่ เรื่อง การลดปัจจัยการผลิต ประกอบด้วย ปุ๋ยเคมี สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ ค่าเช่าที่นา และค่าบริการรถเก็บเกี่ยว เป็นต้น
สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือการลดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตและบริการ รวมไร่ละ 432 บาท
โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการในด้านปัจจัยการผลิตและบริการ โดยปุ๋ยเคมีจะต้องลดลงไร่ละ40 บาท สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชลดลงไร่ละ 20 บาท เมล็ดพันธุ์ ลดลงไร่ละ 122 บาท ค่าบริการรถเกี่ยวข้าว 50 บาท ค่าเช่าที่นา 200 บาท พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนแหล่งเงินทุน โดยจัดโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มและโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกร พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการปลูกข้าวที่เหมาะสม ตามแนวทางลดต้นทุน/เพิ่มผลผลิต และให้มีการจัดทำธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวควบคู่กับการจัดโซนนิ่งพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมต่อชนิดพืชอีกด้วย
“มีการพูดคุยกับสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไปจนถึงร้านค้าสหกรณ์ที่มีการขายปัจจัยการผลิต อาทิ ปุ๋ยเคมี สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ก็รับว่าจะให้ความร่วมมือ ที่จะนำปุ๋ย สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่มีคุณภาพ และราคาที่เป็นไปตามที่กำหนดมาจำหน่ายให้กับเกษตรกร และทางกรมฯ ก็ได้ย้ำว่าขอความร่วมมือ อย่านำเอาปุ๋ย หรือสารเคมี ที่ไม่ได้คุณภาพ มาจำหน่าย เป็นการหลอกลวงพี่น้องเกษตรกร เพราะถ้าตรวจพบ ก็จะถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย ” ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในด้านมาตรการสนับสนุนเรื่องแหล่งเงินทุน เพื่อการรวบรวมข้าวมาแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่าย เพื่อเพิ่มมูลค่านั้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จะให้สหกรณ์ที่มีธุรกิจ เกี่ยวกับเรื่องของการรวบรวมข้าวเปลือก เพื่อจำหน่าย แบบซื้อมา-ขายไป หรือที่รวบรวมมาไว้เพื่อแปรรูปเป็นข้าวสาร ให้ร่วมกันเสนอโครงการขึ้นมา โดยมีเป้าหมายเป็นข้าวเปลือก 4 ล้านตัน ทั่วทั้งประเทศ และที่จะแปรรูปเป็นข้าวสาร 180,000 ตัน ซึ่งจะมีการสนับสนุนจากภาครัฐโดยผ่านทาง ธกส.เป็นวงเงิน 20,000 ล้าน ส่วนโครงการ การเชื่อมโยงด้านการตลาด ตลาดข้าวสาร ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็สนับสนุนเรื่องแหล่งเงินทุนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้การขายข้าวสารให้ลื่นไหลไปได้ด้วยดี
สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยชะลอปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าสู่ตลาดในช่วงที่ข้าวออกมามาก โดยสามารถรวบรวมมาเก็บไว้ในรูปของข้าวเปลือกรอแปรรูปเป็นข้าวสารออกจำหน่ายในภายหลัง ซึ่งจะมีวงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท โดยมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่สำคัญของแต่ละโครงการนั้น จะต้องเป็นสถาบันเกษตรกร สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ที่มีศักยภาพ และมีผลประกอบการที่ดี มีวัตถุประสงค์กู้เงินเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานตามโครงการ ในการรวบรวมและแปรรูปข้าว โดยกำหนดชำระคืนไม่เกิน 12 เดือน
“การสนับสนุนแหล่งเงินทุน เพื่อการดำเนินงานของสหกรณ์ ในการรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อนำมาแปรรูปเป็นข้าวสารก็เป็นการช่วยให้ขบวนการณ์ด้านการตลาดข้าวของสหกรณ์มีการไหลเวียนป้องกันการผูกขาด ตลอดถึงเป็นการป้องกันการทำให้ราคาข้าวตกต่ำได้ ซึ่งการสนับสนุนแหล่งเงินทุนก็นับเป็นกระบวนการหนึ่งในการทำให้กลไกด้านการตลาดข้าวเป็นไปได้ด้วยดี”ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว