กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดตัวอุปกรณ์ชุดสัญญาณเสียงติดรถจักรยานยนต์นำจ่าย EMS สร้างความแปลกใหม่ในการให้บริการประชาชน “ส่งพร้อมเสียง” ด้วยวลีสุดฮิต “ไปรษณีย์ไทยสวัสดีครับ” นำร่องในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดสามารถให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2557 โดยอุปกรณ์ชุดสัญญาณเสียงติดรถจักรยานยนต์นำจ่ายนี้ ปณท พัฒนาขึ้นจำนวนกว่า 7,100 ชุด เพื่อติดตั้งให้รถจักรยานยนต์นำจ่ายทั่วประเทศ ขจัดปัญหาการสื่อสารระหว่างการนำจ่าย โดยในระยะแรกนำร่องให้บริการติดตั้งอุปกรณ์ชุดสัญญาณเสียงฯ นี้กับรถจักรยานยนต์นำจ่าย EMS เริ่มดีเดย์ให้บริการพร้อมกันครั้งแรกในวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2557 จำนวน 990 ชุด ทั้งนี้บริการดังกล่าวนอกจากเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนได้ทราบและเตรียมความพร้อมในการรับสิ่งของจากเจ้าหน้านำจ่าย ยังเป็นการสร้างการจดจำและเอกลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยให้เกิดขึ้นในใจของประชาชนตามแนวคิด “ไปรษณีย์ไทย เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย”
นางปริษา ปานะนนท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีไปรษณียภัณฑ์ฝากส่งในเส้นทางไปรษณีย์เฉลี่ยต่อวันกว่า 7 แสนชิ้น ซึ่งในการนำจ่ายของเจ้าหน้าที่นั้น บ่อยครั้งพบการร้องเรียนของผู้ใช้บริการที่ไม่ทราบ หรือไม่ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่นำจ่าย เวลามานำจ่ายสิ่งของ ปณท จึงพัฒนาอุปกรณ์ชุดสัญญาณติดรถจักรยานยนต์นำจ่าย ซึ่งประกอบด้วยเครื่องเล่นเสียงพกพาขนาดเล็ก แผ่นบันทึกข้อมูล ชนิด Micro SD Card (4GB) และกระเป๋าหนังสำหรับบรรจุอุปกรณ์ชุดสัญญาณเสียงฯ พร้อมสายรัดชนิดปรับระดับสามารถติดตั้งที่รถจักรยานยนต์ หรือคล้องติดกับร่างกายของเจ้าหน้าที่นำจ่ายได้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งยังเป็นการทักทายประชาชนผู้ใช้บริการตลอดทางที่เจ้าหน้าที่ไปนำจ่าย เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้นด้วย
สำหรับอุปกรณ์ชุดสัญญาณเสียงติดรถจักรยานยนต์นำจ่าย ประกอบด้วย ไฟล์เสียงดนตรีและเสียงประชาสัมพันธ์ ปณท ทั้งชายและหญิง ซึ่งมีความยาวประมาณ 2 นาที ในรูปแบบข้อความ 4 ประโยค ได้แก่ “ไปรษณีย์ไทยสวัสดีครับ/ค่ะ” “ไปรษณีย์ไทยเครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย” “EMS Super Speed ส่งด่วนมั่นใจถึงไว 24 ชั่วโมง” และ “EMS ส่งด่วนทั่วไทย ทั่วโลก” โดยตลอดการเดินทางนำจ่ายจะมีการเปิดสัญญาณเสียงให้ได้ยินตลอดทาง เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนตามบ้านมีการเตรียมความพร้อมในการรับสิ่งของจากเจ้าหน้าที่นำจ่าย นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างการจดจำและสร้างเอกลักษณ์ให้กับไปรษณีย์ สำหรับระยะเริ่มแรกนั้นจะเริ่มให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เฉพาะรถจักรยานยนต์นำจ่าย EMS เท่านั้น ก่อนจะขยายผลไปทั่วประเทศกว่า 7,100 ชุด ภายในเดือนพฤศจิกายนศกนี้