กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาเด็กในช่วงอายุ 6-15 ปี จำนวน 72,780 คนทั่วประเทศไทยในปี 2554 พบว่าเด็กนักเรียนเหล่านี้มีคะแนนเฉลี่ยสติปัญญาระดับประเทศเท่ากับ 98.59 โดยพบว่ายังต่ำกว่าค่าสติปัญญามาตรฐานสากลคือ 100 ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการศึกษาและการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็กที่ขัดกับธรรมชาติ ไม่เป็นไปตามพัฒนาการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ทำให้พัฒนาการของเด็กล่าช้าและไม่สมบูรณ์
พญ. มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า “ปัจจุบันสังคมไทยเน้นค่านิยมเรื่องการแข่งขัน คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อยากให้ลูกมีการศึกษาที่ดี ได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เด็กไทยใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง ที่เห็นกันมากคือ เด็กๆ ต้องไปเรียนกวดวิชาตั้งแต่ 4-5 ขวบ เพื่อจะได้เข้าโรงเรียนดีๆ การที่เด็กโดนบังคับส่งผลให้เด็กไม่มีความสุข เกิดความเครียด เอ็นโดรฟินไม่หลั่ง สมองก็จะไม่ได้รับการกระตุ้น ไม่ได้ถูกพัฒนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อพัฒนาการเด็กอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้สติปัญญาของเด็กต่ำกว่ามาตรฐาน เด็กในวัยนี้ควรได้เรียนรู้จากการเล่นตามธรรมชาติมากกว่าการถูกบังคับให้นั่งเรียนหนังสือ แต่ปัจจุบันการเลี้ยงดูเป็นไปอย่างสวนทาง ความจริงแล้วตั้งแต่อายุ 1-2 ขวบ เด็กเริ่มพูดได้แล้ว ดังนั้น ควรเริ่มจากการให้เด็กพูดคุย รู้จักการเรียงรูปแบบประธาน กริยา กรรมให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาเริ่มเขียน แต่เด็กไทยกลับถูกสอนให้ท่องตัวอักษรให้ได้ก่อน ต้องเขียนได้ อ่านได้ ผสมคำเป็น แล้วค่อยสื่อสาร ซึ่งเป็นวิธีที่สวนทางและฝืนธรรมชาติเด็ก”
สอดคล้องกับความเห็นจาก ดร.พัฒนา ชัชพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาปฐมวัย และกรรมการสมาคมอนุบาลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่กล่าวว่า “การที่คุณพ่อคุณแม่รีบเร่งเด็กให้เก่งตั้งแต่อายุน้อยๆ เพื่อให้เด็กสามารถไปแข่งขันกับคนอื่นๆ ได้นั้น อาจส่งผลเสียต่อตัวเด็กในระยะยาว เนื่องจากเด็กไม่ได้รับการพัฒนาไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น การเรียนการสอนกลายเป็นแบบเร่งด่วนเพื่อให้เด็กจำได้ โดยเพิกเฉยต่อการปล่อยให้เด็กได้ทดลองปฎิบัติด้วยตัวเอง ความรู้ที่เด็กได้รับเป็นเพียงแค่ความรู้แบบนามธรรม คือการจำได้ แต่ไม่เข้าใจ ไม่เห็นภาพ ไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับสิ่งอื่นรอบตัวได้ การเรียนรู้ที่แท้จริงผ่านการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจะไม่เกิดขึ้น ในระยะยาวเด็กไม่สามารถคิดเองได้ และระดับสติปัญญาจะต่ำลงเรื่อยๆในที่สุด”
เพื่อป้องกันปัญหาพัฒนาการของเด็กไม่สมวัย การพัฒนาแบบองค์รวมจากทุกภาคส่วนไปพร้อมๆกัน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคครัวเรือนเป็นสิ่งที่ต้องเร่งปฏิบัติ ดร.พัฒนา ชัชพงศ์ อธิบายว่า “สิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ การกำหนดนโยบายด้านการศึกษาซึ่งยึดตามแผนพัฒนาประเทศ เรากำลังก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 เป้าหมายของเราคือ เด็กไทยเก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีศักยภาพ คิดเป็น และที่สำคัญคือเป็นคนดี ดังนั้น ภาคการศึกษาทั้งหมด รวมทั้งครูจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยขยายศักยภาพเด็กไทย การวัดผลของสถานศึกษาต่างๆ ควรเพิ่มคะแนนความสร้างสรรค์เข้ามาด้วย ไม่ควรวัดเพียงแค่ด้านคะแนนความถูก-ผิดเพียงอย่างเดียว”
ส่วนภาคครัวเรือนนั้น พญ. มธุรดา แนะว่าคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูลูกด้วยวิธีการกระตุ้นพัฒนาการลูกทั้ง 4 ด้านตามช่วงวัยของเด็กไปพร้อมๆ กันคือ ด้านการเรียนรู้ การเคลื่อนไหว
การสื่อสาร และด้านอารมณ์ “สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คุณแม่ไม่ควรมองข้ามคือ พัฒนาการตามวัย ช่วงเวลาทองของลูกน้อยอยู่ที่ 3 ขวบปีแรก
ซึ่งความต้องการของลูกจะแตกต่างและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามช่วงอายุ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยวิธีการส่งเสริมความคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ควบคู่กับการกระตุ้นพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน นั่นคือการปล่อยให้เด็กเติบโตและทดลองเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ใช้จินตนาการของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่มีการเร่งรัด หรือบังคับ ให้เด็กได้ปฏิบัติจริงและได้แก้ไขปัญหาผ่านการลองผิดลองถูกเอง เช่น ให้ลูกออกไปสำรวจธรรมชาติมากกว่าการนั่งท่องหนังสืออยู่ในบ้าน เพื่อให้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ออกไปเล่น
กับเพื่อน พูดคุยกับเพื่อน เพื่อฝึกพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว, การสื่อสาร และความฉลาดด้านอารมณ์ วิธีการนี้ทำให้สมองของเด็กผลิตเซลล์ประสาทได้มากขึ้น เส้นใยที่เชื่อมต่อในจุดต่างๆ จะเยอะขึ้น เรียนรู้ได้ดีขึ้น มีพัฒนาการรอบด้านที่สมวัย พร้อมศักยภาพที่จะแข่งขันได้อย่างแท้จริง”
คุณพ่อคุณแม่สามารถมาหาคำตอบในการเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยและการทำงานของสมองได้ใน‘เอนฟา เบรน เอ็กซ์โป 360° จีเนียส’ งานนิทรรศการแสดงศักยภาพสมองและการเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ระหว่างวันที่ 12 – 21 กันยายน 2557 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และลงทะเบียนเข้าร่วมล่วงหน้าได้ที่ www.enfababy.com หรือติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-725-8700