กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--ช่อง2
ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ละครจักรๆ วงศ์ๆ เชื่อว่าถ้าเอ่ยชื่อ “หนึ่ง-มาฬิศร์ เชยโสภณ” คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นพระเอกสุดฮอตชั้นแนวหน้าแห่งยุคนั้นคนหนึ่งกั บผลงานที่แจ้งเกิดอย่าง ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง, ขวานฟ้าหน้าดำ แต่ชีวิตโดนมรสุมชุดใหญ่หลังจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดสุดท้ายหายเข้ากลีบเมฆ วันนี้เจ้าตัวพร้อมจะเปิดใจอีกครั้งในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิงถึงรส ถึงคุณ
หนึ่งแจ้งเกิดจากละครจักรๆ วงศ์ๆ จำได้มั้ยว่าตัวเองเล่นมากี่เรื่อง ?
“จริงๆ ผมเริ่มจากการเล่นกลางคืนก่อนครับ หลังจากนั้นอีก 3 ปี แล้วค่อยมาเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ ละครเรื่องแรกเล่นเมื่อปี 2535 ประมาณ 22 ปีแล้วครับ เข้าวงการตั้งแต่เรียนปีสุดท้ายอายุ 21 ปี ผมจบการละคร การเข้าในวงการมันเริ่มจากตอนปี 3 กำลังเข้าปี 4 เพื่อนๆ เขากำลังหาที่ฝึกงานกัน พอดูคุณป้าชื่อ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ก็เลยเข้าไปขอท่านฝึกงานที่ ช่อง 7 คุณแม่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับป้าแดงครับ พอไปถึงป้าแดงบอกไหนๆ ก็มาแล้วเข้าไปเทสต์หน้ากล้องหน่อยแล้วกัน จนสุดท้ายได้เล่นละคร เล่นเป็นตัว 2-3 ไปก่อน”
เมื่อก่อนหนึ่งถือว่าเป็นฮีโร่สำหรับเด็กๆ ที่ดูละครจักรๆ วงศ์ๆ มาก ?
“ละครเรื่อง ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง และ ขวานขว้าหน้าดำ ถือว่าดังมากๆ ในยุคนั้น อย่าง ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ละครเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ชนะละครกลางคืนด้วยซ้ำ คือ คนจะคุ้นหน้า แต่จำชื่อเราไม่ได้ พอเห็นหน้าก็จะถามว่าพี่ชื่ออะไรนะ ยอมรับงานงานเยอะ รายได้เดือนหนึ่งก็เป็นแสนนะครับ”
แล้วทำไมอยู่ๆ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเพราะชีวิตกำลังจะดี แต่มีข่าวลงหน้า 1 ไม่ต่อยสู้ดี ?
“คือช่วงที่ถ่ายละคร ดาบเจ็ดสีฯ กำลังรุ่งเลย เริ่มจากที่คุณพ่อไม่สบาย คุณแม่บอกพาไปเช็คหน่อยสรุปเป็นมะเร็งอยู่ได้ 6 เดือน ตอนนั้นเรารู้สึกแย่ เพราะเราเป็นพี่คนโต และลูกชายคนเดียว เรามีความรู้สึกว่าเราต้องเตรียมตัวที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวต่อไป ระหว่างที่คุณป่วยและรักษาอยู่นั้น คุณแม่ก็เครียด เส้นเลือดในสมองแตก คุณพ่อซึ่งป่วยอยู่ก็ลุกขึ้นมาดูแลคุณแม่ พอคุณแม่เริ่มดีขึ้น คุณพ่อก็จากไป พอคุณพ่อจากไปได้ไม่นานคุณแม่ก็ตามไปอีกคน หลังจากนั้นละครก็เริ่มจาก 2-3 เรื่องก็เหลือแค่เรื่องเดียว ซึ่งตอนนั้นเราไม่คิดว่ามันจะหายไปเลย อาจจะเป็นช่วงที่เราต้องพักบ้าง แต่มันกลับพักนาน เราก็เลยขยับตัวไปทำธุรกิจ ตอนนั้นเรานำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากอิตาลีครับ นึกว่าจะเป็นสิ่งที่มารองรับ แต่มันอยู่ในช่วงเริ่มต้นเงินก็จมลงไปกับธุรกิจ งานก็ไม่มี จนมาเริ่มใช้บัตรเครดิต ใช้เยอะมากเพราะคิดว่ามันเป็นปัญหาเฉพาะ เดี๋ยวก็มีงานมา ชีวิตเราไม่เคยลำบาก สบายมาตลอด ไม่เคยหกล้มอย่างรุนแรง พอมาถึงวันหนึ่งที่ไม่มีเงิน มีหนี้ เฉพาะหนี้บัตรเครดิต 4-5 แสนได้ จนสุดท้ายเริ่มขายของที่มีอยู่จนขาย นาฬิกา และสุดท้ายขายรถ เพราะเราเริ่มที่แบกไว้ไม่ไหวแล้ว จนเครียดงานก็ไม่เข้าแถมมีรายจ่ายที่ต้องจ่ายตลอดเวลา ที่เครียดที่สุดคือบัตรเครดิตโทรมาทวงหนี้ โทรมาจนกว่าเราจะรับสาย สะสมความเครียดจนปิดประตูอยู่กับตัวเองมากขึ้น รู้สึกแย่กับชีวิต”
นอกจากมีปัญหาเรื่องบัตรเครดิตยังมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาด้วย ?
“เมื่อถึงวันหนึ่งเราอยู่กับตัวเองมากๆ ไม่มีทางออก แล้วเราไปคบเพื่อนที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเห็นเราเครียด เขาก็มีสิ่งที่ช่วยได้นะ แต่มันคือการหนีความจริง เป็นแค่ช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงที่มันจะหลุดไปจากเรื่องเครียดๆ”
ได้ข่าวก่อนที่จะไปแตะยาเสพติดตอนนั้นไม่มีเงินเลยสักบาท ?
“จากที่เงินเป็นแสน เป็นล้าน วันหนึ่งเราไปกดเอทีเอ็มเหลือเงินอยู่ 55.55 บาท แล้วเรามีความรู้สึกว่าขนาดตู้เอทีเอ็มยังหัวเราะใส่เราเลย ตอนมีเงินเราใช้ของดีทุกอย่าง เพราะชีวิตคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดีมาระดับหนึ่ง เสื้อผ้าแบรนด์ไทยแทบไม่ได้ใส่เลย ณ ตอนนั้นเราหาเงินมาง่าย ด้วยความเครียดเราก็เลยหลุดปากระบายกับเขาไป เขาเลยบอกมีอันนี้ช่วยได้นะ ลองมั้ย ณ เวลานั้นเรามีความรู้สึกว่าอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เราหลุดไปจากตรงนี้แค่นั้นเอง”
เขาเอายาเสพติดอะไรมาให้เราลอง ?
“ยาอี ครับ บุหรี่ก็ไม่เคยสูบ ยาก็ไม่เคยลอง แต่ยาตัวนี้มันมีผลต่อสมอง มันหลั่งสารแห่งความสุขมา มันก็เลยทำให้เรามีความสุข มันแค่ชั่วคราว 2-3 ชั่วโมงก็กลับสู่โลกแห่งความจริง มันไม่ได้ช่วยหลอก แต่มันทำให้เราหนีออกไป”
หลังจากมีข่าวหลุดมาเรื่องยากเสพติดก็ทำให้งานงดหายไปเลย
“พอเรื่องมันแดงขึ้นมา ทุกคนก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรา เราแอบเสพอยู่ 8-9 เดือนถึงจะโดนจับ เพื่อนเป็นคนเขามาขายให้ แต่หลังจากโดนจับเพื่อนก็หายจากชีวิตไป พอเกิดเรื่องเรามีสติ เราก็บอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันเกิดขึ้นเพราะตัวเรา วันหนึ่งๆ หมดไปกับยาเสพติดไม่ถึง 1 พันบาท แต่ไม่ได้ทุกวัน ตอนถูกตำรวจจับเราก็ไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง เราไม่น้อยใจอะไร คิดว่าเป็นสิ่งที่เราทำ และเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นกับเรา ถ้ามันไม่เกิดขึ้นวันนั้น วันนี้เราอาจะกลายเป็นเอเย่นต์ค้ายาไปแล้วก็ได้ หรืออาจจะตาย มันเป็นสิ่งที่เราทำเอง เรายอมรับกับมันได้”
ตอนนั้นเข้าไปอยู่ในคุกกี่วันกี่เดือน
“ผมเข้าไปอยู่ประมาณ 5 ชั่วโมงครับ แล้วประกันตัวออกมา น้องสาวเป็นคนไปประกันออกมา ตอนน้องเดินเข้าไปหาในห้องขัง จำได้ว่ายกมือไหว้แล้วขอโทษเขา เราไปบำบัดก็กลับสู่สังคม ถ้าเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงเขาก็จะลบประวัติออก แต่ของเราลงหน้า 1 ทุกฉบับ ผมโดนแบนไป 2 ปี โชคดีที่ประตูบานหนึ่งปิดก็มีประตูบานใหม่เปิด นิตยสารแพรวมาสัมภาษณ์เราถึงเรื่องนี้ คนสัมภาษณ์ก็บอกทำไมไม่เขียนเป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค เราตัดสินใจเขียนออกไป หลังจากนั้นก็มีงานที่เกี่ยวกับงานเขียนติดต่อมาเรื่อยๆ พอดีมีคนหา บก. หนังสือแจกฟรีเกี่ยวกับนักศึกษา เราก็เลยไปทำงานให้เขา มีความสุขที่มีงานประจำทำ แม้ว่าเงินไม่เยอะ แต่มันทำให้เรามีความสุข เพราะเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เมื่อประตูงานในวงการมันปิด มันก็มีประตูบานนี้เปิด”
ถึงตอนนี้คิดมั้ยว่าจะคนยื่นงานในวงการบันเทิงให้เราทำอีก ?
“ตอนแรกก็คิดว่าเราคงหมดหนทาง แต่หลังจากโดนแบนไป 2 ปี เราก็ได้กลับไปเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ อีก ลุงหรั่ง-ไพรัช สังห์วริบุตร ก็ยังหยิบยื่นโอกาสให้กลับไปทำงาน เราโชคดีที่ที่ทุกคนให้ความอบอุ่น ญาติทุกคนมาหาที่บ้าน เพื่อนสนิทโทรมา คอยให้กำลังใจตลอด”
มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่เราอยากจะคุย เพราะที่ผ่านหนึ่งไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงเลย ?
“อาจจะโดนสาบมั้งครับ ดวงไม่มีคู่จริงๆ แต่ไม่ใช่ไม่เคยรักใคร แต่ไม่สามารถคบใครได้ยาวๆ ใครจะมองอะไรไม่รู้สึกเลยครับ เชิญเลยเต็มที่ แฮบปี้ด้วย มันเหงาเป็นปกติจนชิน เวลาเหงาก็มีแรงบันดาลใจในการเขียน เราเกิดมาคนเดียวก็อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ชีวิตอาจจะเกิดมาไม่มีคู่ก็ได้ เราชอบความเป็นผู้ใหญ่ เรารักอิสระ มีโลกส่วนตัวสูง ถ้าแก่แล้วเราก็เตรียมตัวไว้ จัดการเรื่องประกันชีวิตประกันสุขภาพ มีเตรียมตัวไว้บ้างเรา ชีวิตตอนนี้ไม่ถือว่าดี แต่เราอยู่ได้ งานก็มีละครบ้าง และเพิ่งถ่ายละคร รักคุณเท่าช้าง และ มีละครเวทีพลาสติกเกิร์ล งานก็พอมีบ้างๆ เราก็อยู่อย่างมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่”
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ลันเทิงถึงรส ถึงคุณ ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00/ 15.00/ 20.00/ น. และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2 หรือ twitter @thaich2tv