กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--แม็กซิม่า ตอนซัลแตนท์
ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บุกขยายฐานธุรกิจในต่างแดน ลุยเปิดตลาดสิงคโปร์เผยทิศทางครึ่งปีหลัง มียอดสมาชิกเพิ่ม 15%
ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค (Unilever Network) ธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพสูงสุด เดินหน้าขยายธุรกิจเครือข่ายสู่ประเทศสิงคโปร์ ดีเดย์ 1 ตุลาคมศกนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่เคยตั้งเป้าไว้ในปี 2020 จะขยายธุรกิจเครือข่ายให้ครอบคลุมตลาดอาเซียน พร้อมเร่งเพิ่มอัตราจำนวนสมาชิกใหม่อีก 15% ในครึ่งปีหลังนี้
สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เผยถึงแผนของการขยายตลาดให้ครอบคลุมอาเซียนว่า “ปัจจุบันธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ได้ขยายไปแล้วทั้งในมาเลเซีย กัมพูชา และลาว โดยในประเทศไทย มีฐานสมาชิกทั้งสมาชิกอภิสิทธิ์ และผู้ร่วมธุรกิจเครือข่าย ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ประมาณ 500,000 รหัส และต่างประเทศอีก 30,000 รหัส โดยในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จะเปิดตัวฐานธุรกิจเครือข่ายแห่งใหม่ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ผ่านมาธุรกิจเครือข่ายในต่างแดนนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและจำหน่ายครบไลน์ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น ล่าสุดกับผลิตภัณฑ์ใหม่ บียอนด์ มากิ พลัส (Beyonde Maqui Plus+) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากทั้งในมาเลเซีย และกัมพูชา”
ด้าน มนต์ชัย เดโชจรัสศรี กรรมการผู้อำนวยการ ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ประเทศไทย บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังว่า “จากสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว เห็นได้จากการลงทุนในตลาดหุ้น หรือสภาวะทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย คาดว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนี้จะดีและเติบโตกว่าในครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ จะมีสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เพิ่มขึ้นอีก 15% เมื่อเทียบกับอัตราสมาชิกใหม่ของครึ่งปีแรก โดยได้วางแผนกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการบุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาแรง มีอัตราการเติบโตถึง 20% สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำ จึงเสริมศักยภาพ บียอนด์ มากิ พลัส (Beyonde Maqui Plus+) ด้วยการเปิดช่องทางส่งเสริมธุรกิจในรูปแบบ “สต๊อกกิสท์ (Stockist)” เพื่อช่วยผู้ร่วมธุรกิจในการขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นจุดกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคคลอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มปันผลจูงใจสมาชิกผู้ร่วมธุรกิจ และทุ่มงบอย่างต่อเนื่องในสื่อดิจิตอล
สำหรับแนวโน้มของผู้บริโภคในปีหน้า ยังคงมองว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มากนัก ทั้งกำลังซื้อที่ยังคงยึดหัวเมืองเป็นหลัก และจำนวนประชากรของคนสูงอายุเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่ความสวย ความงาม ในเรื่องของการดูแลตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงยังคงพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ และยังรุกตลาดสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ ที่ให้ประโยชน์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย”
ด้านผลิตภัณฑ์ ขณะนี้ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อต่างๆ เพื่อความชัดเจนถึง 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเพอร์ซันนอลแคร์ โดยจะเป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ “อาวียองซ์” (aviance) โดยมีสัดส่วน 70%, กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ชื่อ “บียอนด์” (Beyonde) โดยมีสัดส่วน 20% โดยสัดส่วนที่เหลือ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพช่องปาก ภายใต้ชื่อ “ไอ-เฟรช” (i-fresh) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ภายใต้ชื่อ “ลีเวอร์ โฮม” (Lever Home) โดยผลิตภัณฑ์ขายดี 3 อันดับแรกได้แก่ ผลิตภัณฑ์ อาวียองซ์ ไอ แอม บิวตี้ฟูล อิน แอนด์ เอ้าท์ (aviance I am Beautiful IN & OUT) , ผลิตภัณฑ์ บียอนด์ มากิ พลัส (Beyonde Maqui Plus+) และ อาวียองซ์ ยูวี เอ็กซ์เพิร์ด (aviance UV Expert) ตามลำดับ