กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์
สายการบินเอมิเรตส์ ผู้เชื่อมโยงผู้คน สถานที่ และเศรษฐกิจทั่วโลก ได้ประเดิมเปิดเส้นทางบินแบบนอนสต๊อปทุกวันจากนครดูไบสู่ท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกโอฮาเร่
เที่ยวบินปฐมฤกษ์ในครั้งนี้ประกอบไปด้วยคณะผู้แทนระดับวีไอพีจากสหรัฐอเมริกาและนครดูไบรวมไปถึงสื่อมวลชนนานาชาติ ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้มีผู้โดยสารจากกว่า 20 ประเทศเดินทางไปยังชิคาโกเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าสายการบินเอมิเรตส์นั้นเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลก
เอเดล อัล เรดดาห์ รองประธานบริหารและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของสายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า“การเปิดเส้นทางบินสู่ชิคาโกนั้นเป็นการขยายฐานผู้โดยสารของสายการบินไปยังเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามในอเมริกาและเป็นการส่งเสริมการบริการบรรทุกสินค้าสู่สนามบินนานาชาติโอฮาเร่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เราได้เปิดปฏิบัติการอยู่แล้ว”
“นอกจากนี้การเปิดเส้นทางบินใหม่ในครั้งนี้จะทำให้เราได้มีโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสายการบินเอมิเรตส์ที่ได้รับรางวัลจากหลากหลายสถาบันไปสู่ผู้โดยสารที่เดินทางจากฝั่งตะวันตกของอเมริกาสู่นครดูไบและต่อไปยังอีกกว่า 140 จุดหมายปลายทางทั่วโลกรวมไปถึงตะวันออกไกล อัฟริกาและอินเดีย”
“การเปิดบริการเส้นทางบินแบบนอนสต๊อปจากเมืองชิคาโกสู่นครดูไบเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการสร้างรากฐานให้กับเมืองชิคาโกให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นๆของโลก และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่จะต้อนรับผู้โดยสารให้ได้จำนวน 55 ล้านคนเมื่อถึงปลายปี พ.ศ. 2563" แรมห์ เอมมานูเอล นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโกกล่าว “การเพิ่มการเชื่อมโยงกับนครดูไบจะเป็นการเพิ่มนักท่องเที่ยวนานาชาติให้เดินทางมายังเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตที่ดีในระดับโลก เมืองที่ถือเป็นเมือง
ช้อปปิ้งชั้นนำ เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ชิคาโกเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมเมืองหนึ่งของโลก”
แพท ควินน์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ กล่าวว่า“การเพิ่มการเชื่อมโยงไปยังเมืองต่างๆในโลกให้มากขึ้นเป็นการสร้างโอกาสให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ”
“ปี พ.ศ 2556 นั้นถือเป็นปีที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนรัฐอิลลินอยส์มากจนเป็นสถิติ และการเปิดเส้นทางบินแบบนอนสต๊อปในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนรัฐของเราให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในระดับโลกและขยายโอกาสทางธุรกิจ ตลาดใหม่ๆ และขยายงานให้กับนครรัฐอิลลินอยส์อีกด้วย”
“ชิคาโกเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในหมู่คนไทยมาเป็นเวลานานแล้วเนื่องจากเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงาม งานศิลปะ ดนตรี และการเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ การเปิดเที่ยวบินใหม่ของสายการบินเอมิเรตส์สู่ชิคาโกจะเป็นการเสริมจุดยืนของเราในตลาดอเมริกาและยังเป็นการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารชาวไทย รวมถึงเป็นการพัฒนาเครือข่ายการบินของเราเพื่อเชื่อมโยงกับจุดหมายปลายทางหลักๆของโลก” มร. จาเบรอร์ อัล อะซีบี้ ผู้จัดการประจำเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน สายการบินเอมิเรตส์ กล่าวเสริม
เส้นทางสำหรับธุรกิจและการพักผ่อนหย่อนใจ
เส้นทางบินสู่เมืองชิคาโกเปิดให้บริการในเที่ยวบิน EK235 โดยออกจากสนามบินนานาชาตินครดูไบเวลา 9.45 นาฬิกา ถึงสนามบินนานาชาติโอฮาเร่เวลา 15.25 นาฬิกา เที่ยวบินขากลับ EK236 ออกจากสนามบินนานาชาติโอฮาเร่เวลา 20.35 นาฬิกา ถึงยังสนามบินนานาชาตินครดูไบเวลา 19.10 นาฬิกาในวันถัดไป โดยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200LR เครื่องยนตร์ GE90
นอกจากการให้บริการเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารในเส้นทาง ชิคาโก-ดูไบแล้วยังมีบริการขนส่งสินค้าทางอากาศมากกว่า 17 ตันต่อเที่ยวบินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มการเชื่อมโยงทางด้านการค้าระหว่างสองเมือง ปัจจุบันมีบริการสกายคาร์โกของสายการบินเอมิเรตส์จากนครดูไบสู่สนามบินนานาชาติโอฮาเร่ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขนส่งสินค้าระหว่างสองเมืองมาแล้วทั้งสิ้นเกือบ 12,000 ตัน
“การเปิดเส้นทางใหม่ในครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองเมืองที่ได้ชื่อว่ามีสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุดในโลก โดยมีผู้โดยสารกว่าประมาณ 133 ล้านคนใช้บริการในปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา” โรสมารี เอส.อัลโดลิโน, กรรมาธิการกรมการบินเมืองชิคาโก กล่าว
“เรามุ่งหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสายการบินเอมิเรตส์ และทราบดีว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากจะได้ประโยชน์จากการเปิดเส้นทางใหม่ในครั้งนี้”
สายการบินเอมิเรตส์เริ่มต้นให้บริการเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารไปยังสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2547 ด้วยการเปิดเส้นทางสู่เมืองนิวยอร์คเป็นเส้นทางแรก และได้เพิ่มเส้นทางบินสู่สหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ชิคาโกถือเป็นเส้นทางที่เก้าในสหรัฐอเมริกาที่สายการบินเอมิเรตส์เปิดให้บริการ ต่อจากเมืองบอสตันที่เปิดให้บริการในเดือนมีนาคม ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้สายการบินเอมิเรตส์ได้ให้บริการนำผู้โดยสารเดินทางเข้าและออกจากสหรัฐอเมริกากว่า 9 ล้านคนซึ่งนับเป็นสายการบินที่ให้บริการผู้โดยสารจำนวนมากที่สุดในเส้นทางระหว่างสหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลาง เพื่อตอบสนองความต้องการในการเดินทาง สายการบินเอมิเรตส์จึงได้เพิ่มการบริการเที่ยวบินสู่ดัลลัส ซานฟรานซิสโก และ ฮุสตัน ให้บริการด้วยเครื่องแอร์บัส A380 อันเป็นเครื่องที่เป็นเอกลักษณ์ของสายการบิน
เมืองชิคาโกมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 2.7 ล้านคน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของทั้งเมืองคิดเป็นอันดับสามของสหรัฐอเมริกาและยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ขององค์กรชั้นนำต่างๆกว่า 400 แห่ง รวมไปถึงบริษัทที่ติดอันดับบริษัทชั้นนำของสหรัฐอเมริกา(Fortune 500 companies) อาทิเช่น McDonald’s Corp., Walgreen Co., Abbott Laboratories และ Boeing Co-บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สายการบินเอมิเรตส์เป็นผู้ให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเครื่องบินขนส่งผู้โดยสาร 128 ลำและเครื่องบินขนส่งสินค้า 11 ลำในฝูงบิน สายการบินเอมิเรตส์เป็นสายการบินแรกที่ให้บริการเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777X และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมานี้ ทางสายการบินก็ได้ทำการสั่งซื้อเครื่องบินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน โดยสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 777X กว่า 150 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 7 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการอ้างอิงตัวเลขของกรมการบินพานิชย์สหรัฐ การสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนการจ้างงานกว่า 400,000 ตำแหน่งในสหรัฐอเมริกา
เชื่อมโยงวัฒนธรรมและเป็นศูนย์กลางทางการค้า
นอกจากการเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของอเมริกาแล้ว ชิคาโกยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอาหาร ศิลปะและความบันเทิง กีฬา สถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิค และสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมาแล้วกว่า 48 ล้านคนในแต่ละปี
จากพิซซ่าและฮอตดอกที่เสิร์ฟด้วยเครื่องปรุงรสสูตรลับของครอบครัวจนกลายมาเป็นร้านอาหารระดับมิชลินถึง 25 ร้าน ชิคาโกนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงของอาหารและยังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เจมส์ เบียร์ด อวอร์ด2015 ซึ่งเป็นงานประกาศผลเชฟยอดเยี่ยมอันทรงเกียรติ เมืองชิคาโกยังมีทีมกีฬาชั้นนำของอเมริการะดับมืออาชีพมากมายและยังเป็นต้นกำเนิดของดนตรีแนวบลูส์และแนวเฮ้าส์ ซึ่งมีศิลปินแจ้งเกิดมากมาย เช่น บัดดี้ กาย, วิลโค, ชาคา ข่าน, เอ๊ดดี้ เวดเดอร์, บิลลี่ คอร์กาน จากวงสแมชชิ่ง พัมพ์กิ้น และ แฟรงกี นักเคิลส์ ซึ่งถือเป็นก๊อดฟาร์เธอร์แห่งดนตรีเฮ้าส์ของชิคาโกเลยทีเดียว
เมืองชิคาโกยังนับว่าเป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคซึ่งสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของเมืองชิคาโกในปี พ.ศ. 2414 ตึกเซียร์ ทาวเวอร์หรือในปัจจุบันเรียกกันว่า วิลลิสทาวเวอร์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2516 และเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่นานถึง 25 ปี ก่อนที่จะยกสถิตินี้ให้กับตึกบูร์จคาลิฟาในนครดูไบซึ่งมีความสูงถึง 160 ชั้น (828 เมตร)
นครดูไบถือเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์ประชุมและศูนย์จัดนิทรรศการชั้นเลิศ สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและแหล่งช้อปปิ้งที่ครบครัน รวมไปถึงห้องพักโรงแรมกว่า 55,000 ห้อง ซึ่งทำให้นครดูไบกลายเป็นเมืองที่น่าไปทำงานและน่าท่องเที่ยวติดอันดับต้นๆของโลก สนามบินนานาชาตินครดูไบเทอร์มินอล 3 นั้นเป็นเสมือนศูนย์กลางเชื่อมโยงการเดินทางทั่วโลกอย่างไร้รอยต่อที่รายล้อมไปด้วยการตกแต่งอย่างตระการตา เที่ยวบินชิคาโก-ดูไบ เป็นการนำเสนอการเชื่อมโยงไปสู่ตะวันออกกลาง อัฟริกา อินเดีย ตะวันออกไกลไปจนทั่วทุกมุมโลก ได้อย่างสะดวกสบาย
ตลอดทั้ง 14 ชั่วโมง 40 นาทีในการเดินทางนั้นผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับการบริการชั้นเลิศจากลูกเรือที่พูดได้หลายภาษาจากกว่า 120 ประเทศทั่วโลกและได้รับการเทรนด้านการบริการมาเป็นอย่างดี รวมไปถึงอาหารชั้นเลิศที่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบินและระบบความบันเทิงบนเครื่องบินหรือ ICE ที่มีรายการภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ และดนตรี ให้เลือกชมและเลือกฟังกว่า 1,800 ช่อง ซึ่ง ICE ได้รับการโหวตให้เป็นระบบความบันเทิงบนเครื่องบินที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 10 ปีเต็มจากสกายแทรกซ์ซึ่งเป็นองค์กรทำการสำรวจความพึงพอใจของผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกและทำการสำรวจมาจากผู้โดยสารกว่า 18 ล้านคนทั่วโลก เครื่องบินที่ใช้ในการให้บริการเที่ยวบินชิคาโก-ดูไบนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วน ประกอบด้วย ชั้นเฟิร์สคลาสที่เป็นส่วนตัว 8 ที่นั่ง, ชั้นธุรกิจที่สามารถปรับที่นั่งให้นอนราบได้ 42 ที่นั่ง และ ชั้นประหยัด 216 ที่นั่ง สำหรับข้อมูลเที่ยวบิน และ การสำรองที่นั่ง สามารถเยี่ยมชม www.emirates.com/th หรือติดต่อ 02-664 1040