กรุงเทพ--6 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่นายธารินทร์ นิมมาเหมินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมกาประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ศกนี้ นั้นกระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สรุปผลการประชุมดังนี้
1. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการเงินในภูมิภาคอาเซียนและได้สรุปว่า ภาวะเศรษฐกิจการเงินในภูมิภาคอาเซียนเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกจำเป็นต้องเตรียมรับปัญหาทางสังคมที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยการปรับปรุงในเรื่องการศึกษาและสาธารณสุข และการใช้ประโยชน์จาก ASEAN Food Security Reserve Agrcement เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารในประเทศสมาชิกบางประเทศ
2. ที่ประชุมเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม G7 ดำเนินการดังนี้
2.1 เปิดตลาดใหักับสินค้าจากอาเซียนมากขึ้น
2.2 รัฐบาลสนับสนุนให้ธนาคารของประเทศตนให้สินเชื่อแก่อาเซียนมากขึ้น
2.3 ให้การสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการแก้ปัญหาตามแนวทางของ IMF
3. ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้ง ASEAN Surveillance Mechanism (ASM) เพื่อเป็นกลไกในการตรวจสอบภาวะเศรษฐกิจ ในระยะแรก ASM จะตั้งอยู่ที่ธนาคารพัฒนาเอเซีย (ADB) รัฐมนตรีคลังของไทยได้เสนอจะส่งผู้แทนไทย 1 คนเข้าร่วมใน ASM เป็นรุ่นแรก ในระยะยาว (หลังจาก 2 ปี) จะให้โอนงานของ ASM ไปยัง ASEAN Secretariat จะได้ทำการปรับปรุงขีดความสามารถในด้านนี้ด้วย
4. ที่ประชุมเห็นชอบเกี่ยวกับกลไกการชำเงินทวิภาคี (Bilateral Payment Arrangement-BPA) ซึ่งเสนอโดยคณะทำงานของธนาคารกลางอาเซ๊ยน (ASEAN Central Banks) BPA จะเป็นกลาไกสนับสนุนการใช้เงินตราอาเวียนในการชำระเงินการค้าขายในอาเซียนในระยะแรก BPA จะดำเนินการแบบสมัครใจและทวิภาคี โดยมีเป้าหมายทึ่จะพัฒนาเป็นระบบการชำระเงินอาเซียนในระยะต่อไป
5. ที่ประชุมเห็นชอบที่จะให้การสนับสนุนวิสัยทัศน์ของผู้นำอาเซียนที่จะมีการเปิดเสริมการค้าและการลงทุนในกรอบของ AFTA, AIA, AICO และ ASEAN Framework Agrecment of Services
6. ในเรื่องการเปิดเสรีด้านการเงิน ที่ประชุมยินดีกับความสำเร็จของการปิดรอบการเจจาการค้าบริการด้านการเงินในกรอบ WTO เมื่อเดือนธันวาคม 2540 แม้ว่าจะมีวิกฤตการณ์ทางการเงินในภูมิภาคนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนก็ยืนยันที่จะดำเนินการเปิดเสรีต่อไป
7. ที่ประชุมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสไปดำเนินการจัดทำมาตรการด้านการเงินการคลังที่จะอยู่ใน Action Agenda ตามกรอบ ASEAN Vision 2020 ของผู้นำอาเซียนต่อไป--จบ--