กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--เอเอสวี อินเตอร์ กรุ๊ป
งานวิสาหกิจชุมชน เป็นการประกอบการเพื่อการจัดการ "ทุนของชุมชน" อย่างสร้างสรรค์เพื่อการพึ่งตนเอง ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานที่ดำเนินงานส่งเสริมการจัดตั้ง ให้ความรู้ เกิดการร่วมมือกันในชุมชน โดยนำทุนที่มีในชุมชนมาใช้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ รวมตลอดจนถึงการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเครือข่ายหรือภาคธุรกิจอื่น
นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนแล้ว 14,179 แห่ง มีจำนวนสมาชิกกว่า 218,000 ราย โดยในปีนี้ได้มอบหมายให้กองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ทำการแต่งตั้งคณะกรรมการมาทำการคัดเลือกวิสาหกิจชุมชนที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีแนวโน้มการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมที่จะเป็นต้นแบบให้วิสาหกิจชุมชนอื่นได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่นวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการเกษตรร้านค้าชุมชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ที่มีการดำเนินงานและบริหารจัดการที่ดีจนได้รับรางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนดีเด่นระดับประเทศ ปี 2557
จากปัญหาต่างๆ ในการดำรงชีวิต ถูกนำมาระดมแนวความคิดร่วมกันแก้ปัญหากำหนดเป็นแผนชุมชน โดยเริ่มจากฐานคิดในเรื่องใกล้ตัว เช่น การอุปโภค-บริโภคที่มักถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคาสินค้า จึงร่วมกันจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์สาธิตการเกษตรร้านค้าชุมชนขึ้น ทำให้สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในช่วงที่สมาชิกในชุมชนไม่มีรายได้ตามฤดูกาล ซึ่งระบบร้านค้าสามารถดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิกและเป็นที่พึ่งของทุกคนในชุมชน ทั้งบุคคลที่เป็นสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิกของร้านค้า
ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกทั้งหมด 559 รายเป็นเจ้าของร่วมกันโดยการถือหุ้น มีระบบการควบคุมที่ทันสมัยรูปแบบเดียวกับร้านสะดวกซื้อ แต่มีความแตกต่างคือ สินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านต้องเป็นการรวบรวมสินค้าของสมาชิกก่อนเป็นอันดับแรก ที่เหลือจึงจะเป็นรายการสินค้าทั่วไปที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป และยังเป็นแหล่งรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน และที่สำคัญพนักงานขายในร้านค้าจะต้องมาจากลูกหลานของสมาชิกเท่านั้น เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนในชุมชน ซึ่งในปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิให้กับกลุ่มมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท
ผลที่ได้ตามมานอกจากจะทำให้สมาชิกกลุ่มมีระบบการเรียนรู้วิธีการทำงานในรูปแบบกลุ่ม เกิดความสามัคคี สร้างงาน สร้างรายได้ ช่วยลดปัญหาเรื่องหนี้สิน ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม ลดรายจ่ายภาระในครัวเรือนแล้ว ยังทำให้สมาชิกในชุมชนมีการอยู่ดีกินดี ครอบครัวก็มีเงินออมมากขึ้น ซึ่งเมื่อสามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนลง หนี้สินหมดไป ความสุขก็กลับคืนมา จึงทำให้ได้รับรางวัลชนะเลิศดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีวิสาหกิจชุมชนที่มีแนวโน้มการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเผยแพร่สู่สาธารณะโดยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลผักไหม อ.ห้วยทับทัน จ.อุทัยธานี และวิสาหกิจชุมชนการผลิตและขยายพันธุ์ข้าวชุมชน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โดยจะมีการมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณให้แก่วิสาหกิจชุมชนดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2557 ทั้ง 3 แห่งดังกล่าว พร้อมรางวัลชมเชยอีก 6 แห่ง ในการจัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การสร้างองค์ความรู้วิสาหกิจชุมนดีเด่น” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กันยายน 2557 ณ โรงแรมอะเดรียติค พาเลซ กรุงเทพฯ
“งานนี้วิสาหกิจชุมชนและเจ้าหน้าที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเป็นการกระตุ้นและพัฒนาประสิทธิภาพการประกอบการวิสาหกิจชุมชนให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป” นายโอฬาร กล่าวทิ้งท้าย